วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ส่งเสื้อหนาวให้น้องใส่


นารู้จักพี่น้ำ (ครู ผอ. รร. เด็กบ้านป่า) มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เราเจอกันในการอบรมทั้งที่เสมสิกขาลัย, ขวัญแผ่นดิน และ RC (ต้นกล้า) หลายครั้ง พี่น้ำเป็น ผอ. ดูแลเด็กตั้งกว่า 400 คน แถมเป็นเด็กที่มีความเป็นอยู่ลำบาก ที่ชายแดนไทย-พม่า ในจ.กาญจนบุรีอีกด้วย แน่นอนว่าการดูแลคนจำนวนนี้ต้องการทั้งกำลังและเงินจำนวนมากทีเดียว (รู้สึกชื่นชมในความเข้มแข็งของคนที่ทำงานเช่นนี้จริงๆ)

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

จะรักให้ดีที่สุด

จะสัญญา หรือสาบาน ก็คงยากที่จะเชื่ออย่างสนิทใจ
เพราะฉันก็เคยผ่านมา ว่าความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนแปลงและแปรไปได้
เอาเป็นว่า ซื่อตรงกับปัจจุบัน และทำมันโดยไม่ต้องกังวลกับผลในอนาคต ดีกว่า


วันนี้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา ชอบเนื้อเพลงบางท่อน เลยป้ายสีไว้ด้วย
เพราะบางท่อนก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ :-D


วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บทนำ ผีเสื้อเดือนตุลา'53

ผีเสื้อเดือนตุลา



ในบรรดา Archetype หลายร้อยหลายพันในตัวเรานั้น “Inner Child” หรือ “เด็กน้อย” เป็นผู้ที่มีความสำคัญ กุมกุญแจไขความลับของชีวิต หรือบางคนก็ว่า “เป็นผู้ถือลายแทงทางจิตวิญญาณของเรา”... ขนาดนั้นกันเลยทีเดียว!

ดิฉันรู้จักและเข้าใจคำว่า “Archetype” จาก Voice Dialogue (คิดค้นโดย Dr. Hal&Sidra Stones นักจิตวิทยาสาย Carl G. Jung) ซึ่งสรุปตามความเข้าใจของตนเองแล้ว Archetype ก็คือแม่พิมพ์ของบุคลิกภาพ (หรือ ลักษณะต่างๆ) ซึ่งเป็นคุณลักษณะสากลที่เราแต่ละคนใช้ และแชร์ร่วมกันในจิตใต้สำนึกร่วม

ถ้าจะให้เล่าเรื่อง Archetype, Voice Dialogue และ Carl Jung ทั้งหมดในที่นี้ ก็เกรงว่าจดหมายข่าวผีเสื้อจะกลายเป็นหนังสือเล่มไป ดิฉันจึงอยากจะเชิญชวนทุกท่านอ่านบทความที่น้าส้ม - สมพร อมรรัตนเสรีกุล เขียนเกี่ยวกับบทบาทของ Archetype “เด็กน้อย” ในนิตยสารออนไลน์ Women40Plus กันดีกว่า

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่ทุกท่านยังพลาดไม่ได้ นั่นคือ “Introduction to Voice Dialogue” วันเสาร์ที่ 20 พ.ย. 53 นี้ ซึ่งเปิดให้เข้าร่วมฟรี (แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้านะคะ) โดยอาอู๊ด - สมพล ชัยสิริโรจน์ จะมาแบ่งปันเรื่องตัวตนต่างๆ ภายในตัวเรา ให้ทุกท่านรับฟังและเรียนรู้กันเต็มอิ่มตลอดวัน แล้วพบกันนะคะ ;-)

- นา, ต.ค. 53


:: Quote of the Month ::

“ความทรงจำถึงเหตุการณ์ภายนอกของชีวิตข้าพเจ้าได้ซีดจางหรือสูญหายไปสิ้น ทว่าการได้พบเผชิญกับความจริง ‘ในมิติอื่น’ - กับจิตไร้สำนึก - กลับฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่ลบเลือน ในมิตินั้นเองที่เปี่ยมล้นมั่งคั่ง สิ่งอื่นๆ นอกนั้นกลับสูญสิ้นความหมายเมื่อนำมาเปรียบเทียบ

คาร์ล กุสตาฟ ยุง,
จาก ความทรงจำ ความฝัน ความคิดคำนึง (สนพ. คบไฟ)

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ตกอยู่ในความไม่รู้ (อีกแล้ว)

อีดิทหนังสือ WTB มาได้จะครบปีแล้ว ไวจริงๆ (เย้!!! ^__^ จริงๆ ไม่ควรจะดีใจที่ทำนานนะ เพราะมันยังไม่เสร็จสักทีนะเสะ) เจออาการ 'ตกโพรงกระต่าย Into the Rabbit Hole' บ่อยมากๆ มันเหมือนจังหวะชีวิตของเรากับเนื้อเรื่องในหนังสือมันมา sync กันโดยบังเอิญ (แม้บางคนอาจจะไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญก็ตาม)

อย่างตอนนี้ วนกลับมาอีดิทรอบ 3 ถึงบทที่ 4 แล้ว เป็นบทที่ชื่อว่า Great Question หรือ "คำถามที่ยิ่งใหญ่" พออ่านมาถึงแถวๆ ข้อความข้างล่างนี้ ก็รู้สึกทนไม่ไหวต้องหยุดกลับมาย้อนดูตัวเองตอนนี้ เพราะหลังจากที่จบมหาลัย และออกเดินทางตามหาครู/วิถีอยู่ซักพัก ใช้ชีวิต freelance ที่เป็นน้องๆ ยาจก มีความสุขและกระตือรือร้นแต่ไม่ค่อยมั่นคง จนเข้าสู่ตำแหน่งผู้ประสานงานกึ่งเอนกประสงค์หนึ่งเดียวในทีมงานที่ก็ค่อนข้างมีอิสระสูง เป็นงานที่เกี่ยวข้องการเรียนรู้ ที่แรกๆ เรารู้สึกว่าเราได้ทำประโยชน์ และได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย แต่... แต่... ตอนนี้เรากลับเริ่มเบื่อแล้วน่ะซิ (เฮ้อออว์!)

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

3 Things I Addicted Recently !

3 สิ่งที่ข้าพเจ้าเสพติดในช่วงนี้ ! (ลองเดาสิ...ติ๊กต๊อกๆๆๆ)



ไหนมาดูกันสิว่า ตรงกับของใครกันมั่งอ่ะป่าว? :-D




เริ่มจาก :: อันดับ 3 :: คือ.........


วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พร่ำเพ้อถึงดวงดาว




ฟ้าพร่างฝนโพรยพราว ดาวกับเดือนยังลอยอยู่เต็มฟ้า 
แม้เมฆจะบดบังจากสายตาเป็นครั้งคราวก็ตาม...

บางที ก็รู้นะว่าเราอาจจะคิดอะไรไปเอง 
จึงเกิดความไม่พอใจ ความคาดหวัง ความหงุดหงิดรำคาญใจ

แต่บางทีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าที่เราอดทน ทำความเข้าใจ 
พยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไป
มันจะพาเราไปถึงไหนกัน (เชียว) นะ? 

แล้วทำไมเราถึงดูไม่เติบโตในสายตาคนอื่น/สังคมเลยล่ะ? 
บางทีก็ถามตัวเองเหมือนกันนะ ... ว่านี่ฉันบ้าไปหรือเปล่า?

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

รับฟัง : เพื่อนสำคัญของชีวิต

Listening : Life Partnering

ห่างหายไปนาน เพราะช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีงานและอะไรต่างๆนานา ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตค่อนข้างชุกทีเดียว

2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้ไปช่วยจัดกระบวนการให้ผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ของ True ในหลักสูตร True Connection รุ่น 1 - 2 ได้เรียนรู้ รับฟัง และเชื่อมความสัมพันธ์กัน ได้รับฟังความยากลำบาก ความเจ็บปวด น้อยใจ ฯลฯ ของพนักงานผู้น้อย ที่ต้องการให้ผู้ที่อยู่เบื้องบนได้รับรู้ และมองเห็นพวกตนบ้าง

แม้งานจะหนักหนาและยากลำบากเท่าไร ก็ยังพร้อมจะเต็มที่ทำงานให้เสมอ
แต่แค่มองเห็น และให้คุณค่า พวกเขาบ้าง (มีโบนัสบ้าง อะไรบ้าง :D )

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จัดห้องเป็นขุมทรัพย์

อาทิตย์นี้เกิดแรงฮึดอย่างหนักในการเก็บกวาด จัดระเบียบสมบัติภายในห้องทำงาน
แม้จะได้ค้นเจอสมุดไดอารี่เก่าๆ note ที่คนอื่นๆ เขียน appreciate เราในวาระต่างๆ หนังสือที่เคยชอบ สมุดโน๊ตในวิชาที่เคยชอบมากๆ สมัยเรียน ... ให้กลิ่นอายของ good old days ได้ตลบขึ้นมาอึงอลอีกครั้ง

ทว่า the ugly fact ก็ปรากฎขึ้นทนโท่เกินกว่าจะทำเป็นมองไม่เห็น
เพราะยิ่งเก็บกวาดจัดการสัมภารกได้มากเท่าไร ขยะที่ถูกนำไปวางรอขายซาเล้งก็เยอะขึ้นเท่านั้น

และส่วนที่น่าเกลียดที่สุด คือ ขยะที่ไม่รู้จะจัดการยังไง
ส่วนใหญ่คือขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คียบอร์ด เมาส์ พรินเตอร์เก่า มือถือ แบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตอนซื้อหาก็น่ารักน่าใช้ แต่ระยะเวลาในการใช้งานกลับสั้นจุ๊ดจู๋ และราคาที่ซื้อตัวพวกมันมาก็ต่ำมากเสียจนไม่คุ้มค่าเวลาและราคาที่จะนำไปซ่อมให้พวกมันฟื้นคืนชีพ

เช้าวันนี้ มี message ส่งมาถึงมือถือแต่เช้า ฉันเปิดอ่านพร้อมคิดในใจ "ขายของอีกล่ะซิ" ฉันคิดว่าจะเปิดดูเพื่อลบมันโดยไว แต่ข้อความนั้นกลับเป็นสิ่งที่ฉันกำลังต้องการพอดี "ทิ้งมือถือและแบตเก่าที่โรบินสัน มีเดอะวันการ์ด รับ 50 แต้มทุกศุกร์ ถึง ต.ค. 53"

โอเค... มันก็โฆษณารูปแบบหนึ่งล่ะนะ บวกหน้าตาภาพลักษณ์ขององค์กรหน่อยๆ แต่... เอาล่ะ ตราบใดที่ระบบการจัดการของเสียจากบ้านเรือนยังเป็นเช่นนี้ เราก็คงต้องช่วยคนละไม้คนละมือเท่าที่ทำได้

ฉันเลยลอง search ใน googel ดู พร้อมทั้งเขียนบล็อก entry นี้ พยายามที่จะรวบรวมแหล่งที่เราอาจส่งมอบทรัพยากรที่เราไม่อาจใช้ประโยชน์แล้ว ให้ไปอยู่ในที่ๆ มันจะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง


  • มือถือ และแบตเตอรี่
อ่านข่าว กล่อง “Battery for Life” ณ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ทุกสาขา
รับทิ้งมือถือหรือแบตเตอรี่เก่า *ไม่แน่ใจเรื่องสาขาของโรบินสันนะคะ ในข่าวระบุแค่สาขาศรีราชา*


หมดเขต ต.ค. 53 (ก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สร้างสรรค์นะคะ หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่จบลงในสภาพแบบเมืองกุ๊ยว์อี๋ ในคลิปข่าว CBS ข้างล่างนี้ )



  • กระดาษอาร์ต โบรชัวร์ ใบปลิว ฯลฯ
กระดาษคุณภาพดี แต่ดันเคลือบพลาสติก ทำให้ซาเล้งไม่รับซื้อ T.. T
เก็บรวบรวมไว้เอาไว้ในกล่อง วันเวลาดีๆ สบายๆ ก็ให้เวลากับการทำงานฝีมือ Upcycle กระดาษเหล่านี้เป็นลูกปัดกันดีกว่า (อ่าน วิธีทำ หรือ ดู วีดีโอข้างล่างนี้)




> กล่องนม : แกะ-> ล้าง -> เก็บรวบรวม--> หย่อนลงกล่องที่บิ๊กซี หรือ


> หนังสือมือสอง : ร้านหนังสือปูทะเลย์ (online shop)รับซื้อด้วย
หรือจะนำไปบริจาคก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่บางทีเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าผู้ที่รับหนังสือบริจาคต้องการหนังสือที่เราจะบริจาคหรือเปล่า?


ถ้าใครมีแหล่งบริจาค ส่งขาย จัดการทรัพยากรอื่นๆ ก็แนะนำกันได้นะคะ จะได้เป็นแหล่งข้อมูลเผื่อคนอื่นจะนำไปใช้ได้ หรือช่วยกันบอกต่อ

ฮืมม์ หรือบางทีเราคงต้องเข้าร่วม "สัปดาห์ไม่ซื้อ" คราวต่อไปแล้วล่ะ เพราะของเหล่านี้เริ่มจากตอนเราซื้อมันเข้าบ้านมานี่นา

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หกสิ่งดีๆ ที่ทำให้ชีวิตฉันมีความสุข



Six Things that Make My Life Happy

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Let's Crochet a Doll # 2





"มาถักตุ๊กตาโครเชต์กันเถอะ-"


"Let's Crochet a Doll"


:: เหมาะสำหรับ :: 
ผู้ที่อยากเริ่มถักโครเชต์ เป็นตุ๊กตาน่ารักๆ จะเอาไว้ห้อยกระเป๋า/มือถือ ทำเป็นของเล่นให้เด็กๆ (ผู้ใหญ่ก็ชอบนะ =-) หรือจะให้เป็นของขวัญก็ไม่ซ้ำแบบใคร



:: แนะนำการถักโดย :: 

นา (นาจิตตัง) เริ่มถักโครเชต์ตั้งแต่ปี 2549 โดยเรียนรู้จากหนังสือ และอินเตอร์เน็ทด้วยตนเอง
ค่อยๆ สั่งสมความรู้จากการลงมือทำด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูก  ได้ถักเป็นของขวัญ ของแจก และของขายมาจำนวนหนึ่ง เป็นที่สนุกสนานทั้งผู้ให้และผู้รับ (ดูอัลบั้มรวบรวมผลงานเกือบทั้งหมดได้ที่นี่ >คลิกๆ<) ถึงวันนี้ เลยอยากจะลองก้าวไปอีกขั้น ด้วยการแบ่งปันให้แก่คนที่สนใจอยากถักตุ๊กตาโครเชต์บ้าง ...  spread the love of making DIY things! ^.. ^

:: กิจกรรมวันเดียว ::

  1. ครั้งที่ 1 : วันที่ : 5 ส.ค. 53  ณ สถาบันปลูกรัก กทม. *ขอบคุณพี่เอ๋-พี่กิ๊กที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้นะคะ*
  2. ครั้งที่ 2 : วันที่ 4 ก.ย. 53 ณ สถานที่ : บ้าน พุทธมณฑลสาย 1, กทม
  3. ยังไม่ระบุ
  • เวลา : 9.30 - 16.30 น. (โดยประมาณ)


นาจะช่วยแนะนำประเด็นต่อไปนี้นะคะ
- การอ่าน Pattern พื้นฐาน (แบบภาพ กับแบบอักษรย่อ)
- อุปกรณ์ที่ต้องใช้ 
- การถักตุ๊กตาโครเชต์ Steps by Steps


------------------------------------------


*ค่าใช้จ่าย : บริจาคตามกำลังและศรัทธา*
รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคในโครงการการกุศล เช่น รร.เด็กบ้านป่า จ.กาญจนบุรี ต่อไปค่ะ 


**ไม่จำเป็นต้องเคยถักโครเชต์มาก่อน *แต่ถ้าศึกษามาล่วงหน้า เช่น อ่านในหนังสือหรือเว็บมาก่อน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของตัวท่านเองมากค่ะ*


**หยิบขนม&ของว่างปริมาณพอเหมาะมาแบ่งกันกินนะจ๊ะ*


-------------------------------------------


:: การเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน ::


1> ไหมพรม : สีใดก็ได้ ประมาณ 2 กลุ่มเล็ก (หรือ 1 กลุ่มใหญ่) 
แนะนำ! ไหมพรมแบบ<b>ธรรมดา</b> ยี่ห้อดาหลา อีเกิ้ล วีนัส ซึ่งราคาไม่แพง
ขนาดไหม คือ 3 - 4 poly* 
ดูเพิ่มเติมตามรูปค่ะ > http://www.facebook.com/photo.php?pid=619659&id=1618107408


2 > เข็มโครเชต์ : ขนาดที่สอดคล้องกับไหมพรมในข้อ 1 (ถามคนขายเอาก็ได้จ๊ะ)
แนะนำ! เข็มทองแบบ 2 หัว (ยี่ห้อ Tulip) เบอร์ 3//4 กับ 5//7  


3> เข็มเย็บไหมพรม : ใช้เย็บประกอบส่วนต่างๆ ของตุ๊กตากัน 
มันจะคล้ายๆ เข็มเย็บผ้าน่ะคะ แต่ 1 - รูสอดไหมจะใหญ่กว่า เพราะเราจะสอดไหมพรม 2 - ปลายเข็มจะไม่แหลมเหมือนเข็มเย็บผ้า (ไว้จะถ่ายรูปให้ดูดีก่า) 3 - ถ้าเลือกได้ เลือกแบบยาว ดีกว่าแบบสั้นนะคะ 


4> แพทเทิร์น : หากมีแบบของตุ๊กตาที่อยากจะทำอยู่แล้ว ให้นำมาด้วยนะคะ
หากไม่แน่ใจว่าความยากของแพทเทิร์นเหมาะสำหรับมือใหม่หัดถักหรือเปล่า อีเมล์ลิงก์หรือรูปมาให้นาดูก่อนได้ค่ะ
แนะนำ! 
- หนังสือสอนถักโครเชต์ ของ Mrs.Devil เล่ม 1 แนะนำเป็นภาษาไทยตั้งแต่เริ่มต้น Tip&Trick เบื้องต้นครบถ้วนจนจบกระบวนการถักตุ๊กตา 
- แหล่งรวมแพทเทิร์นออนไลน์ขนาดใหญ่ http://www.pradid.com/crochet-pattern.php 


5 > อื่น ๆ แบ่งกันใช้ได้ และนาจะเตรียมไปเผื่อให้ค่ะ เช่น กรรไกร ไหมพรม ไหม กระดุม ลูกปัด  ฯลฯ 


-------------------------------------------


:: สอบถาม/ยืนยันการเข้าร่วม ::
ติดต่อนาทาง message ใน FB , อีเมล์ หรือโทรศัพท์ 
ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันนะคะ
เพราะว่าต้องแนะนำเส้นทางการเดินทางมาที่บ้าน และอยากแจ้งให้ครอบครัวทราบล่วงหน้าว่าเพื่อนๆ จะมาเยี่ยมบ้านกันกี่คนค่ะ 


*ขอบคุณล่วงหน้าที่ให้ความร่วมมือค่ะ*

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ช่วยเหลือชาวปากีสถานกับน้ำท่วมครั้งใหญ่



ชาวปากีสถานในหมู่บ้าน เคลื่อนย้านสู่ที่สูงเพื่อหนีน้ำที่ท่วมหมู่บ้านมใกล้เมือง Nowsher, ปากีสถาน วันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. 2553 : Pakistani villagers move to high ground escaping a flood-hit village near Nowshera, Pakistan on Thursday, July 29, 2010. (AP Photo/Mohammad Sajjad)

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

How to create box for copying html code

ทำไงดี? อยากสร้าง box ให้คนเค้า copy โค้ดรูป หรือแบนเนอร์ของเราไปใช้ได้เลย 
แต่ถ้าแค่วางโค้ดลงไป เว็บก็จะแปรผลเป็นรูปหรือแบนเนอร์ไปโดยปริยาย
ทำยังไงที่จะให้มันอ่านเป็นตัวอักษร ไม่ใช่รูป! 
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้นะคะ

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Let's Crochet a Doll within a Day!


"Making Crochet Dolls Within a Day - YaY!"
"มาถักตุ๊กตาโครเชต์ภายใน 1 วันกันเถอะ - เย้!"

:: เหมาะสำหรับ :
ผู้ที่อยากเริ่มถักโครเชต์ เป็นตุ๊กตาน่ารักๆ จะเอาไว้ห้อยกระเป๋า/มือถือ ให้เด็กๆ เล่น (ผู้ใหญ่ก็ชอบนะ) หรือจะให้เป็นของขวัญก็ไม่ซ้ำใคร!

:: แนะนำการถักโดย :: นา (นาจิตตัง)

:: กิจกรรมวันเดียว ::
วันที่ : พฤ 5 สิงหาคม 53
เวลา : 10.30 - 16.00 น. (โดยประมาณ)
สถานที่ : สถาบันปลูกรัก สุขุมวิท 101/2 กทม

นาจะช่วยแนะนำประเด็นต่อไปนี้นะคะ
- การอ่าน Pattern พื้นฐาน (แบบภาพ กับแบบอักษรย่อ)
- อุปกรณ์ที่ต้องใช้
- การถักตุ๊กตาโครเชต์ Steps by Steps

------------------------------------------
*ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้เรียนรับผิดชอบค่าอุปกรณ์ (เตรียมมาเอง) อาหารกลางวันและอาหารว่างเอง*
**ไม่จำเป็นต้องเคยถักโครเชต์มาก่อน**
**ขอบคุณพี่เอ๋-พี่กิ๊กที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้นะคะ*
-------------------------------------------

:: การเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน ::
1 ไหมพรม : สีใดก็ได้ ประมาณ 2 กลุ่มเล็ก (หรือ 1 กลุ่มใหญ่)
แนะนำ! ไหมพรมแบบธรรมดา ขนาด 3 - 4 poly*
2 เข็มโครเชต์ : ขนาดที่สอดคล้องกับไหมพรมในข้อ 1 (ถามคนขายเอาก็ได้จ๊ะ)
แนะนำ! เข็มทองแบบ 2 หัว (ยี่ห้อ Tulip) เบอร์ 3-4-5*

3 เข็ม : ใช้เย็บประกอบส่วนต่างๆ ของตุ๊กตากัน
มันจะคล้ายๆ เข็มเย็บผ้าน่ะคะ แต่ 1 - รูสอดไหมจะใหญ่กว่า เพราะเราจะสอดไหมพรม 2 - ปลายเข็มจะไม่แหลมเหมือนเข็มเย็บผ้า (ไว้จะถ่ายรูปให้ดูดีก่า) 3 - ถ้าเลือกได้ เลือกแบบยาว ดีกว่าแบบสั้นนะคะ
4 > อื่น ๆ แบ่งกันใช้ได้ และนาจะเตรียมไปเผื่อให้ค่ะ เช่น กรรไกร ไหมพรม ไหม กระดุม ลูกปัด ฯลฯ

*ดูเพิ่มเติมตามรูปค่ะ
http://www.facebook.com/photo.php?pid=619659&id=1618107408

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยังคงเดินทาง...และยังคงเดินไป...


เอาบทความที่เคยเขียนเมื่อ(เกือบ) 1 ปีที่แล้วมา Reuse ใหม่
เพราะกลับไปอ่านแล้วรู้สึกว่า... เฮ้ย! เราเขียนได้ดีมากเลย-่ะ (นี่เราเขียนหรอเนี่ย? จำไม่ได้เลย 555+)
แม้จะเป็นสิ่งที่เขียนในอดีต แต่ก็ทำให้ได้สะท้อนเส้นทางที่ผ่านมาระหว่างวันเขียนกับวันอ่านด้วย แล้วก็รู้สึกไม่เลวทีเดียว
เรียกได้ว่า "เขียนเอง อ่านเอง...ซึ้งเอง" :-D 

-----------


วันที่นากำลังเขียนบันทึกชิ้นนี้อยู่เป็นวันเกิดของนาค่ะ :-) และนาเขียนเพื่อ Happy Birthday อาจารย์ในวันเกิดที่กำลังจะถึงในอีก 9 วันข้างหน้า… ขอบคุณโชคชะตา (หรือฟ้าลิขิตมาอยู่แล้ว?) ที่ทำให้เราได้มาเจอกันนะคะ นาพูด (เขียน) ได้เลยว่า ถ้าไม่มีวันเวลาในคลาสของอาจารย์ ก็คงไม่มีนาในวันนี้…

บางที ก็รู้สึกว่า จริงๆ อาจารย์ก็ไม่ได้ “ทำ” อะไรมากมายนักหรอก …

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่สำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา

จดหมายข่าวผีเสื้อ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2553

" เราจะมองเห็นอย่างแจ่มชัดก็ด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตา
It is only with the heart that you can see fully, what is essential is invisible to the eyes"
จาก เจ้าชายน้อย , The Little Princess โดย อังตอน เดอ แซงต์ ซูเปอรี่



ประสบการณ์ในการอบรมการเป็นคนกลาง (Mediator) ขั้นที่ 2 ที่ผ่านมา (3 - 4 ก.ค. 53) ทำให้ฉันรู้สึกว่า ที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันเข้าใจเป็นเพียงความมืดบอดในการมองเห็นโลกของฉัน...
ขณะที่พี่หลิ่งเป็นคนกลางให้กับกรณีศึกษาในการอบรมข้างต้น นอกจากฉันจะไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่สำคัญสำหรับคนทั้งสองได้แล้ว เส้นทางที่ฉันวาดไว้ในใจ - ถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ - คงพาพวกเขาเข้ารกเข้าพงมากกว่าจะเกิดความเข้าใจระหว่างกัน

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จดหมายเปิดถึงผู้โพสต์วิดีโอ "ข้อความถึงทักษิณ" หรือ "ทักษิณไป...ซะ" : ช่วยกันหยุดการลุกลามของไฟในใจคนกันเถอะนะคะ

สวัสดีค่ะ 

ดิฉันได้พบคลิปวีดีโอของคุณบนโพสต์ของเพื่อน

เมื่อดู ดิฉันมีความกังวลมากค่ะ เพราะเท่าที่ดิฉันเข้าใจ เด็กๆ จะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่เป็นคำพูดและรูปธรรม และที่ไม่ใช่รูปธรรม การที่ผู้ถ่ายวีดีโอ นำเสนอคลิปที่เด็กๆ พูดชื่อคนๆ หนึ่ง แล้วแช่งชักให้สิ้นชีพ แม้ตอนนี้เขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่ภายในลึกๆ ของเขาได้ซึมซับมันไปแล้ว เราจะเพาะหน่ออ่อนแห่งความแบ่งแยกและเกลียดชังในใจมนุษย์ไปอีกนานแค่ไหนกันหรือคะ? 


วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บรรยากาศงานออกแบบสังคม 1 พ.ค. 53

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

Wake Me Up When September Ends




วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

ปัจจุบันขณะคือสันติ (หากคุณต้องการมัน (จริงๆ) นะ) Peace is Now (if you (really) want it)




วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

วิธีการ/ความต้องการ : ของฉัน/ของเธอ

หนึ่งในการแยกแยะที่สำคัญ ในการสื่อสารด้วยความกรุณา คือ แยก "วิธีการ" ออกจาก "ความต้องการ" เพราะเมื่อเรายึดติดกับ "วิธีการ" ใดวิธีการหนึ่งแล้ว เราก็ประหนึ่งล็อกกุญแจขังตายตัวเองเข้ากับวิธีนั้นๆ จนมองไม่เห็นหนทางอื่นที่อาจทำให้ความต้องการของเราได้รับการตอบสนองได้ "ความต้องการ" ในที่นี้ หมายถึงความต้องการที่เป็นสากล แม้ผู้คนหลากหลายสีผิว ชาติพันธุ์ ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ (มิพักแค่ "สีเสื้อ" ของคนไทยแน่นอน) ก็มีเหมือนๆ กัน ดังเช่นไดอะแกรมของมาสโลว์ ข้างล่างนี้


คนๆ หนึ่งมีความต้องการตั้งแต่ในระดับพื้นฐานที่สุด : ความต้องการทางกายภาพ ; อากาศ อาหาร น้ำ การพักผ่อนนอนหลับ การขับถ่าย ฯลฯ ทั้งหมดในระดับนี้เป็นไปเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น ความต้องการในระดับต่อมา : ความปลอดภัย ไม่ว่าจะในทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางเศรษฐกิจ หน้าที่การงาน สังคม ... ความสัมพันธ์ ความรู้สึกผูกพัน รักใคร่ ... กับเพื่อน แฟน พ่อแม่ พี่น้อง ใช่หรือไม่? ความภาคภูมิใจในตนเอง ความเคารพ ฯลฯ

หากเราปลดความคิดตัดสินที่ดังอยู่เบื้องหลังความคิดของเราได้ เราก็จะได้ยิน "เสียงของความเป็นมนุษย์" ของคนที่อยู่คนละฝักฝ่ายกับเรา นั่นคือ เราสามารถสัมผัสความต้องการของคนผู้นั้นได้ และโอ้ว้าว พระเจ้าช่วย! ความต้องการของเค้ากับเรามันเหมือนกันเรย !!!

แต่การจะรับฟังผู้อื่นได้ เราก็ต้องได้ยินตัวเองก่อน ... เป็นทักษะที่ผู้คนในสมัยนี้ไม่ค่อยได้พัฒนานัก ก็ต้องฝึกกันต่อไป ...

โดยในการนำการสื่อสารด้วยความกรุณา (CC - Compassionate Communication หรือ Non-Violent Communication) มาใช้ในชีวิตจริงนั้น มันไม่ได้จบแค่การสัมผัสความต้องการของตนเองให้ได้เท่านั้น

หลายครั้งหลายครา ที่เราตกอยู่ในวังวนถกเถียงเยี่ยงชีวิตประจำวันกับใครบางคน เราสัมผัสกับความรู้สึก-ความต้องการ ของตัวเองไม่ยากนักหรอก แต่เอ? ทำไมก็ยังผ่าทะลุการทะเลาะถกเถียงไม่พ้นเสียทีหว่า? ... ก็ใช้ชีวิตกันต่อไป เราก็พยายามฟังอีกฝ่ายให้มากขึ้น ฟังให้ได้ยินความรู้สึก-ความต้องการของเขา ซ้ำๆๆๆ โดยที่วงจรก็ยังวนเวียนกลับมาเรื่อยๆ

เป็นเวลานานทีเดียวกว่าเราจะเอะใจได้ ว่า Missing Piece คือ เราไม่เคยประคองความต้องการทั้งฝ่ายเราและอีกฝ่ายได้เลย ในชั่วขณะที่อารมณ์มันพรั่งพรู (หรือพุ่งปรี๊ดก็ตาม) มันมีแต่ "ฉัน" "ฉัน" "ฉัน" ฉันไม่พอใจ ฉันไม่ชอบเธอเลย เธอมันแย่ 1... 2... 3... 4...

เฮ้อ... เขียนไปเขียนมา ออกทะเลมั้ยหว่า? :D
คืนนี้เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า เด๋วจะกลายเป็นเขียนเพื่อให้ได้บทความดีๆสักอันมากเกินไป
ราตรีสวัสดิ์ ~

ปล. การแยกแยะที่สำคัญอื่นๆ ของ CC คือ
  • แยกแยะ "การตัดสิน/วิเคราะห์/ตีความ" ออกจาก "การสังเกต"
  • แยกแยะ "ความคิด" ออกจาก "ความรู้สึก"
ที่มาภาพ : http://en.wikipedia.org/wiki/File:Maslow%27s_Hierarchy_of_Needs.svg

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

สมมติฐานตามยุคสมัย


มนุษย์มีสมมติฐานติดตั้งอยู่ในตัวแตกต่างกันไปตามยุคสมัย - ว่าโลกแบน ว่าโลกกลม เป็นต้น มีสมมติฐานที่เราต่างยึดถือเป็นจริงเป็นจังอยูู่่ลึกๆนับร้อยนับพัน ทั้งที่มันอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่ในหลายๆกรณีแล้ว แนวคิดเกี่ยวกับการรับรู้ความจริง - ซึ่งได้รับเป็นมรดกจากกระบวนทัศน์หรือโลกทัศน์ในยุคก่อนหน้า - มิได้ถูกต้องแม่นยำไปเสียทั้งหมด  ดังนั้น หากเรามี ความคิดความเชื่อได้รับสืบทอดมาจากประวัติศาสตร์ในอดีต  หากประวัติศาสตร์สามารถแนะนำอะไรได้บ้างละก็ - เราก็อาจกล่าวง่ายๆได้ว่า สิ่งที่เรายึดถือว่าเป็นจริงเกี่ยวกับโลกในวันนี้ ไม่เป็นความจริงหรอก
- ดร. จอห์น เฮกลิน
จากบท คำถามที่ยิ่งใหญ่
What the Bleep Do We Know!? 

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

หากจินตนาการไม่หยุดยั้งแค่โลกแห่งความฝัน...

หากจินตนาการไม่หยุดยั้งแค่โลกแห่งความฝัน...
แต่ลงมาติดดิน เปื้อนเหงื่อ และเบ่งบานในโลกที่ไม่สวยงามเช่นความเป็นจริง?

หากผู้อยู่อาศัยในแฟลต ตึกแถว คอนโดมิเนียม ในเมืองใหญ่ 
ต่างปลูกผักสวนครัวในกระถางระเบียงหน้าห้องของตน
จากบ้านหนึ่งไปสู่อีกบ้านหนึ่ง จากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ... 
จนอาณาเขตทางการครอบครองพื้นที่อยู่อาศัยจางหายไปด้วยแนวพืชผักสีเขียว 
ที่ออกดอกออกใบให้ผล ให้ผู้คนได้ช่วยกันรดนำ้ ใส่ปุ๋ย แล้วยังช่วยกันเก็บกินอีกด้วย !! 
คราวนี้ ผู้ที่มีบริเวณบ้านในครอบครองเพียงน้อยนิด 
ก็อาจปลูกพืชผักได้พอกิน ในพื้นที่ส่วนรวมได้แล้ว :-d

- หากบ้านทุกหลังในกรุงเทพฯ ปลูกแค่ "พริก" พอกินพอใช้ภายในครอบครัวตัวเอง ... 
น้ำมันที่ต้องใช้ในการขนส่งพริกจากพื้นที่เพาะปลูกในจังหวัดต่างๆ 
เพื่อขนพืชผักชนิดนี้มาให้คนในกรุงเทพฯได้กิน จะลดลงไปเท่าไหร่หนอ? 
แล้วถ้าขยายไปยังพืชพรรณชนิดอื่นด้วยล่ะ! 
กระเพรา โหระพา สะระแหน่ ตะไคร้ ใบชา ... 
the list go on and on... 


หากจินตนาการไม่หยุดยั้งแค่โลกแห่งความฝัน...
แต่ลงมาติดดิน เปื้อนเหงื่อ ด้วยความรักและความใส่ใจ
พืชพรรณธัญญาหารคงเบ่งบานในโลกที่ไม่สวยงามเช่นเมืองใหญ่ได้อีกครา


v แรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้
เค้ามีให้ดาวน์โหลดด้วยนะ >> ลองอ่านดูสิ << เราชอบ :)

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

ความฝัน และ ตัวตนสัญชาตญาณที่ถูกทิ้งไป

ได้ไปค้นบทความเกี่ยวกับ การสื่อสารกับเสียงภายใน (Voice Dialogue Work) เพิ่มเติม หลังจากที่ได้เข้าอบรมกับ Jamie Ona Pangaia เมื่อวันที่ 21 - 24 ม.ค. 53 ที่ผ่านมา (Embracing Our Selves) ซึ่งเมื่อมีผู้เข้าร่วมถามถึงเรื่องความฝัน และเจมี่ก็ตอบอธิบายมายืดยาว ก็เลยสนใจ อยากจะเข้าใจหัวข้อนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอยากฝึกแปลด้วย เลยได้ออกมาเป็นบทความแปลนี้ .. ชี้แนะด้วย/ได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ปล. ตั้งใจว่าจะทยอยแปลบทความอีกชุด คือ Dreams as a Window to Inner Selves และ Dreams and Relationship ด้วยนะคะ รอสักครู่ :)
-------------------------------
รูปแบบพลังงานที่แตกต่างกันหลากหลายประเภทสามารถเป็นตัวตนที่ถูกละทิ้งไป (disowned self) ในคนเราได้

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกระทึกขวัญ อนุบาลนกน้อย (ตอน2-จบ)

(ต่อจากตอน 1)
ฉันล้างหน้าล้างตา แล้วกลับลงไปที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมอุปกรณ์เท่าที่คิดว่าจำเป็น คือ ไฟฉาย ไซริง และกล้วยน้ำว้าสุก (กลเม็ดล่อด้วยของกินไง :D) เย้ ! ฉันได้ยินเสียง "จิ๊บ.. จิ๊บ" แล้ว มันอยู่ใต้พื้นจริงๆ ด้วย แต่ซอกยังเล็กเท่าเดิม ฉันแทรกแขนไปคว้ามันไม่ได้เลย ฉันพยายามยื่นไซริงลงไปอีกหลายครั้ง สำเร็จ! ฉันเห็นปากและหัวส่วนบนนิดหน่อย มันเข้ามาหาไซริง ฉันพยายามขยับไซริงล่อให้มันกระโดดขึ้นมา แต่... มันผละหายไป ฉันไม่ลดละ ตกลงว่าแม่ฉันปีนข้ามรั้วเข้ามาในตรอกอีกคน และช่วยยกแผ่นปูนแผ่นหนึ่งขึ้น พอให้เป็นทางเปิดเชื่อมกับโพรงข้างใต้ที่ลูกนกอตกลงไปได้ ช่องเปิดกว้าง แต่ก็กลัวว่ามันจะร่วงลงไปลึกกว่าเดิม (ซวยหนักกว่าเดิมสิ) เราเลยจัดการถมหินและหากระดาษมาปิด ใช้ได้เลย เหลือแต่รอให้เจ้านกน้อยมาใกล้ๆ ให้ฉันจับ หรือมันออกมาเอง คราวนี้ ฉันพยายามยื่นไซริงเข้าไปในทุกทางเท่าที่ทำได้ ทั้งทางซอกตึกที่ใกล้ตัวมันที่สุด หรือช่องเปิดที่ฉันมองเห็นอะไรข้างใต้ได้ดีที่สุด แต่เท่าที่ฉันก้มหัวลงไปมอง ก็คือ มันกระโดดหนีอ่ะ อ๊าย... อิชั้นเริ่มหงุดหงิด ไม่อยากออกก็ไม่ต้องออก - เชอะ! ฉันทิ้งมันไว้เหมือนเดิม แล้วขึ้นบ้าน ทำอะไรไม่ได้แล้วนิ? อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่ามันยังไม่ตายล่ะวะ --------- ฉันนั่งกินโจ๊กอยู่บนบ้าน ใจค่อยสงบขึ้นมาหน่อย และตัวก็สบายกว่าเดิมหลังจากได้อาบน้ำ (แม่ม! โดนทั้งมด ทั้งยุง) คิดว่าไว้สักพักค่อยกลับไปลองใหม่ ก็พอดีกับที่แม่ของฉันขึ้นมาสมทบ และรายงานข่าว "มันขึ้นมาแล้วนะ แต่ไม่ยอมออกมาหน้าบ้านอ่ะ ม้ากลัวมันหล่นลงไปอีก เลยไม่ได้เข้าไป" อืมม์ ดีแล้ว ฉันคิดในใจ "เด๋วค่อยจัดการล่ะกันม้า ให้มันหิวจัดๆ อีก จะได้ยอมมา" 555+ อิชั้นเริ่มซาดิสต์ --------- รวบรัดตัดตอนเลยล่ะกันนะ สรุปว่า นกน้อยถูกจับคว้าใส่กล่องทันที ที่มันอยู่ในมืออิชั้นได้ แต่ก็ไม่ง่ายหรอกนะ มันอาจจะอยากได้ทั้งอิสรภาพ และอาหารที่ Feed มันไปพร้อมๆ กันก็ได้ (เหมือนใครฟร่ะ? :D) เพราะตอนแรกที่เราปีนกลับเข้าไปอีกครั้ง มันกึ่งกระโดด กึ่งบินหาเราเหมือนกันนะ แต่ก็ถอยห่างออกไปอีก อีก อีก คือ "หิวก็หิว แต่อย่าเข้าใกล้ชั้นนะ" อะไรประมาณนั้น (แต่ถ้าเมิงไม่ให้กูเข้าใกล้ แล้วกูจะป้อนเมิงยังไง ตรูไม่ใช่นกนะเฟร้ย!) จนเราเริ่มจะทนต่อไปไม่ไหวนั่นแหละ ที่ก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และไล่คว้ามันมาได้สำเร็จ ^_^ ตอนจบ ของบันทึก ก็คือ น้องนกหุบปากเงียบสนิทหลังถูกจับใส่กล่อง มันปลอดภัยดี แม้ดูจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ เรายกมันกลับมาในห้องทำงาน และฟีดมันเหมือนเดิม ... บินเล่นในห้องไปก่อนล่ะกันนะ วันนี้เหนื่อยแล้ว Happy Ending เสียที (ไปทำงานต่อล่ะจ๊า)

บันทึกระทึกขวัญ อนุบาลนกน้อย (ตอน1)

วันนี้อุตสาห์ปฏิวัติตัวเอง ด้วยการตื่นแต่เช้า (6โมง) ทั้งที่ปรกติก็ตื่น 9 โมงเป็นอย่างเร็ว

เพราะเมื่อวานเป็นวันแรก ที่ปล่อยลูกนกให้ไปอยู่หน้าบ้าน ทั้งวัน และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
มันยังบินไม่ค่อยได้หรอก ได้นิดนึง เท่าที่ดูคือ มันลงจอดไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ก็ยังเป็นสัตว์บกอยู่เป็นส่วนมาก คือ กระโดดหยองแหยงไปมา

เห็นมันกระโดดจิกนู่นนี่ไปมา หลบไปหลังกระถางเมื่อคนเดินเข้าไปใกล้ หรือมีอะไรแปลกประหลาดที่น่าจะอันตราย มันก็จะมุดเข้าไปหลบหลังกระถางต้นไม้

แต่เวลาเราเข้าไปใกล้ๆ ด้วยอาวุธคู่กาย คือ Syringe ป้อนอาหาร มันจำได้ฮ่ะ กระโดดดี๊ด้าเข้ามาหาเราเลยทีเดียว :D

นึกภาพแล้วขำมาก เพราะเวลาแม่เราลงไปหามัน มันหนี แต่เราลงไปพร้อมไซริง มันกระโดดใส่อ่ะ

วันนี้เราก็เลยตั้งใจว่าจะตื่นมาป้อนอาหารมันแต่เช้า แล้วสัก 8 โมงจะเอามันลงไปวางหน้าบ้านเหมือนเมื่อวาน และเราก็ทำได้เสียด้วย

แต่... ตอนที่เรากำลังกินข้าวเช้าอยู่ (~8 - 9 โมง) มีรถส่งของมา เป็นรถกระบะคันใหญ่ วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านเลย มันคงตกกะใจ แม่เรามองจากระเบียงก็ร้องห่วงมัน แม่เราลงมาเปิดประตูให้คนลงของ ไม่นาน เราตามลงมาดูลูกนก

เอาแล้ว มันหลบไปอยู่ตรอกข้างบ้าน เราเข้าจากหน้าบ้านไม่ได้ มีรั้วกั้นอยู่ แม้ระยะจะห่างกันนิดเดียว เช้านี้เสียงดังจริงๆ ทั้งเพลงจากรร.อนุบาลข้างบ้าน รถที่วิ่งอยู่บนถนน (เช้าๆ รถเยอะกว่าตอนสายๆ) แล้วยังรถกระบะคันใหญ่นี่อีก ... เราพยายามยื่นไซริงให้มันเห็น จะได้กระโดดออกมาหาเราข้างนอก แต่... ระหว่างที่มันกำลังกระโดดไป-มา เหมือนหาทางมาหาเราอยู่

"ฟลุบ!"

มันร่วงลงไปในซอกเล็กๆ ระหว่างตึกกับพื้น O-o! คือพื้นมันทรุดไง ก็เลยแยกเป็นร่อง

ตอนนั้นเรายังใจเย็นอยู่ เพราะเห็นกะตาว่ามันแค่ฟลุบลงไป ไม่ได้เจ็บอะไร และมันก็แข็งแรงดี คงกระโดดๆ บินๆ ออกมาได้แหละ

แต่สิบโมงก็แล้ว สิบเอ็ดโมงครึ่งก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้านกน้อยสักนิด เราเริ่มทนไม่ไหว ร้อนใจนิดๆ (แม่เราบ่นอุบตั้งแต่สิบโมงแล้วว่าไม่น่าเลย อุตสาห์ประคบประหงมมาตั้งสองสัปดาห์ มาตกหลุมตายตอนสุดท้ายซะได้ แต่ตอนนั้นเรายังเย็นใจอยู่ ฮ่ะๆ) เลยไปปีนรั้วหลังบ้านเพื่อเข้าตรอก เดินอย่างระมัดระวัง เพราะนอกจากกองหินก่อสร้างและใบไม้แล้ว เราก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าไอ้ที่เหยียบไปมันมั่นคงดีหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าสายตาคุณจะดีแค่ไหน มนุษย์เราก็คงไม่สามารถหักสายตา 90 องศาเพื่อลอดมองใต้พื้น (ที่ตัวเองยืนอยู่) ได้หรอกนะ! ฉันเอาหัวชิดกำแพงจนจะบี้กิ๊บที่ติดผมอยู่แตก... ก็ไม่เห็นอะไรเลย ฉันพยายามเอาไซริงแหย่อลงไป ... เงียบ ร้องเรียกมันก็... เงียบ ซอกมันแคบมาก ฉันพยายามเอามือแหย่ลงไป แต่ทำได้มากที่สุดก็แค่แขนครึ่งท่อนล่าง ไม่สามารถลงไปลึกกว่านี้แล้ว (นี่แขนช้านเล็กแล้วน้าาาา!)

เอาละสิ เสียงก็ไม่มี ร้องเรียกก็ไม่รับ (ปรกติมันรับค่ะ) เอาไซริงแหย่ไปก็ไม่มีอะไรตอบสนองกลับมา ฉันเริ่มประสาทเสียแล้วล่ะ มันจะตายจริงๆ หรอเนี่ย? ถ้าตอนหล่นไปมันยังไม่ตาย แต่เกิดมันไปติดอะไร หรือปีกหัก แล้วต้องอดตายอยู่ใต้พื้นนั่น? T_T ฉันยังร้องเรียกมันอย่างไม่ลดละ แต่เสียงเครือจนผิวปากไม่ออก และเริ่มมองไม่ชัดล่ะ เพราะน้ำตามันตกใส่แว่น (คือก้มหน้ามองลอดซอกด้วยไงค่ะ น้ำตาเลยตกใส่แว่นได้) TT_TT

(เด๋วว่างๆ มาอัพตอนต่อค่ะ)
Related Posts with Thumbnails