::ทักทายเพื่อนเก่า::
::ตรุงปะ::
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคาดหวังอะไรจากการไปร่วมงาน ตรุงปะเสวนา
ที่จัดโดยมูลนิธิเสถียรโกเสษ นาคะประทีป ร่วมกับ สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา ที่เรือนร้อยฉนำ คลองสาน กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากหวังว่า... จะได้พบปะเพื่อนเก่า (ซึ่งแน่นอน... เรามักได้เจอะมากกว่าที่เราคาดคิดไว้เสมอ :-) และ ครูบาอาจารย์ที่นับถือ (แม้บางคนอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรานับท่านเป็นอาจารย์ :-)
งานเสวนาครั้งนี้ พูดได้เลย ไม่ได้เยินยอเลย ว่าดีที่สุดเท่าที่เคยไปร่วมงานมา เพราะสถานที่จัดหรือเปล่า? เรานั่งกันใต้ถุนตึก เป็นลานเปิดโล่ง ฝนตกหรือลมเย็นพัดผ่านมาก็สัมผัสได้ น้องหมาน้องแมว และเด็กวิ่งเล่นร้องตะโกน ก็รับรู้ได้ เพราะผู้ร่วมเสวนาหรือเปล่า? ผู้พูดบนโซฟาด้านหน้า ก็ฟังกันและกัน เอื้อเฟื้อกัน ไม่ได้พกความคิดแข็งทื่อตายตัวที่คิดมา-เตรียมมาเพื่อจะพ่นๆๆแล้วก็จบ-แยกย้ายกันไป แต่ต่างพูดออกมาจากตัวตนของตน ความคิดความรู้สึกที่พยายามกลั่นกรองและถ่ายทอดให้ผู้ฟังคลายการตัดสิน และไม่ข่มตีกันเอง น่ารักจริงๆ หรือเพราะผู้เข้าร่วมเสวนา? ผู้ฟังนั่งพื้น เรียบง่ายแต่งดงาม มากันจนเต็มใต้ถุนสวนเงินมีมา สักสี่ส้าห้าสิบคนได้ และแม้จะหลากหลายผิวพรรณและช่วงวัย แต่มาด้วยความสนใจเหมือนกัน ... หรือเพราะทั้งหมดเลย? ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า เราว่ามันเวิร์ค-่ะ ^_^ ชอบจริงๆ
สำหรับตัวเอง มีเรื่องหนึ่งที่อาจจะดูเหมือนเป็นข้อความที่ขัดแย้งกันเอง คือ
เรามักเตือนคนอื่น ยามโอกาสเหมาะสม ว่า "เพียงสิ่งเดียว ที่เราทำได้ คือ ดูแลตัวเอง "
แต่ในบางครา ฉันก็พูดว่า "เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าผู้นันจะเป็นใคร อาจเริ่มจากคนใกล้ตัว แล้วขยายออกไป" โชคดีที่ฉันไม่ค่อยได้คบคิดกับคำพูดเหล่านี้มากเท่าใด ฉันพูดไปด้วยความจริงใจ และจริงแท้แก่ตน ก็เท่านั้น แค่เพียงปล่อยช่องว่างที่รู้สึกว่ายังขาดหายไปเอาไว้ก่อน
- 3 ยาน ความสุกงอมทางจิตวิญญาณ
ไตรยาน สามลัทธิหลักทางพุทธศาสนา เราอาจจะเคยเรียนมา แต่ขอบอกไว้ว่าตามตำรานั้นมันผิวเผินเกินไป วันนั้น วิทยากรทั้ง 2 คนที่ยังนั่งอยู่ (อ. ส. ศิวรักษ์ มีธุระ จึงอยู่เพียงช่วงแรกๆ เท่านั้น) ต่างก็พยายามเชื่อมโยงเรื่องสามยานมาสู่ตัวเรา ในฐานะคน ๆ หนึ่ง
ฉันชอบการเปรียบเทียบของพี่ตั้ม ว่า 3 ยาน เหมือน วิวัฒนาการ 3 ขั้น ในการฝึกตนของผู้ปฏิบัติทั้งหลาย เพราะเริ่มใหม่ๆ เราต้องมีกรอบ ศีล วัตร ต้องบังคับตัวให้อยู่ในกรอบอย่างเข้มงวด นี่คือจุดเด่นของหีนยาน ลัทธิหลักในบ้านไทยเรา พี่ตั้มพูดเปรียบเทียบว่า "คุณต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวตัวเอง ไม่ให้ไปเลอะเทอะใครก่อนน่ะ" จากนั้น ขั้นต่อไป เมื่อฐานมันแน่นแล้ว ภายในของคนผู้นั้นก็จะเติมเต็มของมันเองโดยธรรมชาติ จิตใจที่เต็มอิ่มอยู่ด้วยตัวเองก็จะล้นออกมาเผื่อแผ่ผู้อื่นที่อยู่รอบข้างเอง นี่เองที่ มหายาน หรือยานใหญ่ มีนัยยะหมายถึง คือการรวมเอาผู้อื่นมาด้วยนั่นเอง
ส่วนวัชรญาณนั้น มันเหมือนใจที่มันเต็มแล้ว ล้นแล้ว ล้นอีก จนมันแทบจะระเบิดออกมา กระจัดกระจายไร้สิ่งใดมายับยั้งปิดกั้นได้ นี่คือ ยานที่ไม่ถูกทำลาย ได้ เพราะหากเรามองในแง่มุมทางประวัติศาสตร์ ยุคที่มหายานรุ่งเรืองถึงขีดสุด สังฆะกอปรด้วยผู้คนกลุ่มใหญ่ แต่ก็ยังกีดกันกลุ่มชนที่โดนตีตราว่าไม่อาจบรรลุได้ เช่น โสเภณี คนฆ่าสัตว์ ฯลฯ เมื่อใจพัฒนาไปจนถึงวัชรญาณ จึงเน้นที่การไม่ตัดสินอย่างแท้จริง และเราจะถูกทดสอบอยู่ตลอด ว่าเราเป็นของแท้หรือยัง
การเสวนาดำเนินไปอย่างสนุกสนาน เข้มข้น มีพิธีกรฝีไม้ลายมือดี เป็นถึงดีเจอาชีพ (แต่หนูเอาท์ ไม่รู้จักนะคะ) คอยหยอดแย้บคำถามดีๆ ให้ทั้งสามคนได้บอกเล่าแก่พวกเราที่นั่งฟังกันสลอน
"หนังสือมีไว้ให้อ่าน อ่านแล้วคิด ไม่ใช่ให้เชื่อทั้งหมด" ส. ศิวรักษ์
"ท่านทาไลลามะ ดูจะเป็นที่รู้จัก นึกถึง มากกว่าท่านตรุงปะ โดยเฉพาะในโลกตะวันตก ในมุมมองของอาจารย์ คิดว่า สองท่านนี้แตกต่างกันอย่างไร?" พิธีกรถาม อ. ส. ศิวรักษ์ ตอบว่า
"ท่านทาไลลามะ นั้นพูดจับใจได้เก่ง มีฐานะเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านกระแสทุนนิยม ต่อต้านความรุนแรง สงคราม ฯลฯ มีภาพลักษณ์ขาวสะอาด เป็นพระผู้มีจริยวัตรงดงาม น่าเลื่อมใส แต่ท่านไม่มีอะไรมากกว่านี้ อันนี้พูดกันตรงๆ คือ สิ่งที่ท่านเทศน์ก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากมาย แต่ท่านตรุงปะเป็น "ธรรมาจารย์" ผู้นำพุทธศาสนาไปปักหลักในโลกตะวันตกได้อย่างแท้จริง ไม่มีใครทำได้อย่างท่าน และงานของท่านก็ยังดำเนินอยู่แม้จนขณะนี้"
เรามีสิทธิจะฆ่าคนที่จะมาทำร้าย ทำลายชีวิตพ่อแม่ครูบาอาจารย์เราไหม?
พระนักบวชทุบหัวปลาอยู่ริมธารน้ำได้ด้วยหรือ? พระนักบวชมีเซ็กซ์กับผู้หญิงได้ด้วยหรือ? ไม่ผิดศีลหรือ?
อืมม์ ไปฟังบันทึกเสียงเองดีกว่า...ที่นี่เลย
090523 trungpa sewana.WMA - sulak, krisdawan, vichak