จดหมายข่าวผีเสื้อ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2553
" เราจะมองเห็นอย่างแจ่มชัดก็ด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตา
It is only with the heart that you can see fully, what is essential is invisible to the eyes"
จาก เจ้าชายน้อย , The Little Princess โดย อังตอน เดอ แซงต์ ซูเปอรี่
ประสบการณ์ในการอบรมการเป็นคนกลาง (Mediator) ขั้นที่ 2 ที่ผ่านมา (3 - 4 ก.ค. 53) ทำให้ฉันรู้สึกว่า ที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันเข้าใจเป็นเพียงความมืดบอดในการมองเห็นโลกของฉัน...
ขณะที่พี่หลิ่งเป็นคนกลางให้กับกรณีศึกษาในการอบรมข้างต้น นอกจากฉันจะไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่สำคัญสำหรับคนทั้งสองได้แล้ว เส้นทางที่ฉันวาดไว้ในใจ - ถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ - คงพาพวกเขาเข้ารกเข้าพงมากกว่าจะเกิดความเข้าใจระหว่างกัน
เพราะในความเข้าใจของฉัน บทบาทของคนกลางคือการแปลความต้องการของฝ่ายหนึ่ง นำไปสื่อสารให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายพอจะมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพรวม - ภาพที่เขาทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่กระบวนการที่พี่หลิ่งเป็นคนกลางในกรณีตัวอย่างนั้น กลับเต็มไปด้วย “สิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา” มากมาย - การรับรู้ความเจ็บปวดของฝ่ายหนึ่ง และมองเห็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขา ซึ่งสามารถมีพื้นที่ร่วมกันกับสิ่งที่สำคัญกับอีกฝ่ายได้ (ถ้าเอาให้ถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนก็มีพื้นที่ร่วมกันอยู่มิใช่หรือ?) การเว้นระยะให้เกิดความเงียบ ที่สายใยแห่งความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองได้ทักถอ แม้อิริยาบถที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก็อาจแสดงถึงการเปลี่ยนแปรของระดับความเข้าใจระหว่างคู่กรณีได้ ซึ่งหากฉันอาศัยเส้นทางที่ตนเองคิดไว้ ก็คงมองข้ามสิ่งที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำเหล่านี้เลย (ถ้าให้สารภาพตามจริง - ชั่วขณะนั้น ในใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งเสียจนคิดอะไรไม่ออกเลยแหละ =^^=)
เพราะในความเข้าใจของฉัน บทบาทของคนกลางคือการแปลความต้องการของฝ่ายหนึ่ง นำไปสื่อสารให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายพอจะมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพรวม - ภาพที่เขาทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่กระบวนการที่พี่หลิ่งเป็นคนกลางในกรณีตัวอย่างนั้น กลับเต็มไปด้วย “สิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา” มากมาย - การรับรู้ความเจ็บปวดของฝ่ายหนึ่ง และมองเห็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขา ซึ่งสามารถมีพื้นที่ร่วมกันกับสิ่งที่สำคัญกับอีกฝ่ายได้ (ถ้าเอาให้ถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนก็มีพื้นที่ร่วมกันอยู่มิใช่หรือ?) การเว้นระยะให้เกิดความเงียบ ที่สายใยแห่งความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองได้ทักถอ แม้อิริยาบถที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก็อาจแสดงถึงการเปลี่ยนแปรของระดับความเข้าใจระหว่างคู่กรณีได้ ซึ่งหากฉันอาศัยเส้นทางที่ตนเองคิดไว้ ก็คงมองข้ามสิ่งที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำเหล่านี้เลย (ถ้าให้สารภาพตามจริง - ชั่วขณะนั้น ในใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งเสียจนคิดอะไรไม่ออกเลยแหละ =^^=)
การอบรมสิ้นสุดลง พร้อมกับคำอวยพรของพี่หลิ่งเช่นหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา “ขอให้มีกำลังใจในการฝึกฝนนะคะ” โดยที่ฉันครุ่นคิดถึงสิ่งอยากฝึกต่ออยู่ในใจ... การเป็นคนกลางอาจไม่ได้อาศัยความคล่องแคล่วทางเทคนิคอย่างเดียว... ความสามารถที่จะอ่อนไหว หรือเปราะบาง (vulnerable) เพื่อจะรับรู้สิ่งละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ก็เป็นสิ่งที่น่าจะดำรงอยู่พร้อมๆ กันกับเทคนิคด้วย... ข้อค้นพบนี้อาจะทำให้การฝึกเป็นคนกลางของฉันยากขึ้น เพราะไม่อาจยึดติดกับเทคนิควิธีการอย่างโดดๆ ได้ - แต่ก็ไม่แน่นะ! เพราะมันอาจเป็นเส้นทางที่ลัดสั้นที่สุด หากต้องการจะกู้คืนความเป็นมนุษย์ (ที่มีอยู่แล้ว) ให้กลับคืนมา ทั้งสำหรับตัวฉันเองและผู้อื่นด้วย
แม้ฉันจะค้นพบว่ามี “ความเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่” ในเวลาที่ผ่านมา แต่ระหว่างเส้นทางการเรียนรู้ที่สะดุดหกล้มบ้าง เจ็บปวด (ทั้งกายและใจ) บ้าง อ้อมไปอ้อมมา หรือจะใช้เวลาไปสักหน่อย การเรียนรู้ที่จะเข้าถึง “ความเป็นมนุษย์” อย่างเต็มเปี่ยมก็คงไม่อาจชี้วัดได้ด้วยเงินตราหรือระยะเวลา และบ่อยครั้ง เราก็ค้นพบเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรว่า การเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา ก็มาจากการหกล้ม เจ็บปวดและผิดหวังครั้ง “สำคัญ” ไม่ต่างกัน...
ใช่หรือไม่? คงต้องขอให้แต่ละท่านช่วยสะท้อนจากประสบการณ์ของตัวเองให้ดิฉันได้เรียนรู้บ้างแล้วล่ะคะ :-)
อ่านแล้วนึกถึงตอนที่เราสอนพิเศษนะ
ตอบลบเราต้องจับสังเกตเด็กว่าไม่รู้เรื่องตรงไหน เหนื่อยหรือยัง
ซึ่งเด็กบางคนก็ต้องคอยมองเพราะเขาจะไม่บอกเราเอง
บางที่ก็ต้องใช้เวลาและประสบการณ์เยอะ แรกๆเราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะ
อ่านแล้วดีมากเลยนะ :D ไว้เรามีไรจะไปปรึกษา 555++
"การรับรู้ความเจ็บปวดของฝ่ายหนึ่ง และมองเห็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขา" ช๊อบ ชอบ งามแต๊
ตอบลบหญิง