วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยังคงเดินทาง...และยังคงเดินไป...


เอาบทความที่เคยเขียนเมื่อ(เกือบ) 1 ปีที่แล้วมา Reuse ใหม่
เพราะกลับไปอ่านแล้วรู้สึกว่า... เฮ้ย! เราเขียนได้ดีมากเลย-่ะ (นี่เราเขียนหรอเนี่ย? จำไม่ได้เลย 555+)
แม้จะเป็นสิ่งที่เขียนในอดีต แต่ก็ทำให้ได้สะท้อนเส้นทางที่ผ่านมาระหว่างวันเขียนกับวันอ่านด้วย แล้วก็รู้สึกไม่เลวทีเดียว
เรียกได้ว่า "เขียนเอง อ่านเอง...ซึ้งเอง" :-D 

-----------


วันที่นากำลังเขียนบันทึกชิ้นนี้อยู่เป็นวันเกิดของนาค่ะ :-) และนาเขียนเพื่อ Happy Birthday อาจารย์ในวันเกิดที่กำลังจะถึงในอีก 9 วันข้างหน้า… ขอบคุณโชคชะตา (หรือฟ้าลิขิตมาอยู่แล้ว?) ที่ทำให้เราได้มาเจอกันนะคะ นาพูด (เขียน) ได้เลยว่า ถ้าไม่มีวันเวลาในคลาสของอาจารย์ ก็คงไม่มีนาในวันนี้…

บางที ก็รู้สึกว่า จริงๆ อาจารย์ก็ไม่ได้ “ทำ” อะไรมากมายนักหรอก …
แต่นาคิดว่า การไม่ทำ ของอาจารย์นั่นแหละ ที่เปิดพื้นที่ เปิดโอกาสให้พวกเราได้ลองทำนู่นทำนี่ ลองเป็นตัวของตัวเอง… มันเหมือนกับว่า ก่อนหน้าพบอาจารย์ นาเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ลึกๆ แล้วยังแคร์เสียงของสังคม ครอบครัว เสียงของผู้คนรอบข้าง แม้จะเป็นคนที่เรารัก แต่มันก็คับข้องและอึดอัด นาจำได้ว่าสมัยนั้น แม้ภายนอกจะบรรยายว่านาเป็นคนเรียนเก่ง มีน้ำใจ นิสัยก็ดี สนุกสนานร่าเริง จริงจัง บลาๆๆๆ (คืออะไรก็ได้ที่ดูดีอ่ะนะ) แต่นาก็รู้ว่าข้างในนามันกลวงโหว่มากๆ เลย มีคืนวันที่ลอยเคว้งคว้าง แม้อยู่ท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนฝูงมากมาย นาถามตัวเองเสมอๆ ว่าชีวิตนี้มีไว้เพื่ออะไร? เราจะทำอะไรที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อผู้อื่น สังคมไทยและสังคมโลกได้ไหม? … ตอนนั้นนาได้แต่คิดๆๆๆ เพราะถ้าไม่คิดๆๆๆ นาก็จะสับสน ไม่รู้หนทางที่แน่นอนว่าจะไปให้ถึงฝันนั้นอย่างไร และสุดท้ายก็ใช้ชีวิตไปอย่างไร้ความหวัง ไร้พลัง และในโลกแห่งความเป็นจริง นาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงคนเล็กๆน้อยๆ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ปัญหาอะไรที่นาห่วงใยได้เลย แม้เพียงชุมชนเล็กๆ อย่างบ้าน หรือชมรม นาก็ยังทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้เลย…  

ระหว่างการเดินทางร่วมกับคลาส NREM, EETP, IA2B นั่นเองที่นาได้กอบกู้เสียงภายในของตัวเองที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมา ผ่านการไดอะลอคกับเพื่อนๆ และอาจารย์ทุกคน ได้มีประสบการณ์รับฟังเสียงตำหนิตัดสินผู้อื่นในหัวของเรามากมาย (ที่พูดออกไปก็คงมีแน่นอน แต่นั่นคงถือได้ว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเสียงในหัวทั้งหมด) และเข้าใจว่าเราเห็นตามใครหรืออะไรตามความคิดความเชื่อของเราต่อเรื่องนั้นต่างหาก เริ่มเรียนรู้ที่จะรับฟัง มีสติเท่าทัน และใคร่ครวญกับเรื่องราวต่างๆ โดยมีอาจารย์เป็นคนฉีกถ่างมุมมองอันคับแคบของพวกเราให้กว้างขวางยิ่งใหญ่ แคร์และทำอย่างที่แคร์ เป็นในสิ่งที่คิดว่าควรจะเป็น และที่สำคัญ อาจารย์เป็น แต่ไม่ได้บอกให้ใครต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบอาจารย์ นั่นเองที่พวกเราได้ฝึกหัดที่จะเคารพด้านดีๆ ความคิดดีๆ ความตั้งใจดีๆ ในตนเองและผู้อื่น

ในวันนี้ ตอนนี้ นาก็ยังไม่รู้อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละว่าจะทำอะไรดี ;-) แต่นารู้ว่า นอกเหนือจากอาชีพการงานที่มั่นคง การยอมรับจากคนรอบข้าง ภาพลักษณ์ของการเป็นคนเก่งคนดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งภายนอกผิวเผินที่นาไม่ได้ต้องการอย่างแท้จริง จริงๆ แล้ว นาก็แค่อยากดำรงชีวิตนี้ให้อยู่ในความดี (อยากก็รู้ว่าอยากหนอ) และช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้ค้นพบศักยภาพของเขาในฐานะมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมคนหนึ่งเท่านั้นเอง

                                   - ยังคงเดินไปบนเส้นทางที่เลือกเอง -
                                                   นานาจิตตัง
                                   17 กรกฏาคม พ.ศ. 2552 : 16:01 น.       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails