เสาร์-อาทิตย์นี้ (22-23 พ.ย.51) นาได้ไปร่วม workshop
การสื่อสารอย่างสันติ(/ด้วยใจกรุณา) จัดโดยเสมสิกขาลัย มาค่ะ
ทันทีที่กลับจาก workshop มาถึงบ้าน นาก็ไฟแรงมาก กะว่าจะพยายามสื่อสารกับพ่ออย่างดี, ให้เกิดความสงบสุขในบ้านเสียหน่อย หลังจากเรื่องแรกที่นาได้คุยก็เกือบๆ-ร่อแร่ๆ-แต่ก็ยังแก้ลำได้ แต่ก็ไม่วาย เมื่อบทสนทนาผ่านไปสู่ประเด็นถัดมา พ่อบอกให้นาไปเปิดคอมฯเพื่อตรวจสอบข้อมูลราคาสินค้าให้ภายในวันนี้ (ตอนนั้นก็ดึกแล้วอ่ะนะ) และนายังไม่ทันได้พูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บทสนทนาเรื่องนี้จึงจบด้วยการโมโหของพ่อ และคำพูดต่อว่า
นาหลบพายุลูกนั้นด้วยการเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ...และร้องไห้
รู้สึกว่ายอมรับว่าตัวเองต้องการความเห็นใจ นารู้สึกเพลียเหมือนๆจะไม่สบาย และก็อยากจะพักผ่อนแล้ว แต่พ่ออยากให้นาเปิดเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าให้ ภายในคืนนี้ โดยที่นาไม่รู้มาก่อน (ตอนหลังโทรคุยกับพี่สาวที่ปกติจะเป็นคนเช็คราคาให้พ่อ-ก็ปรากฏว่าพี่เขาลืมบอกเรา...ซึ่งเราก็ไม่โกรธนะ ก็โอเค) แต่นาไม่ได้พูดว่านาจะไม่ทำ นาถอนหายใจเฮือกออกมา แต่พอตีความว่านาไม่เต็มใจและจะไม่ทำให้ และเริ่มพูดตามการตีความพวกนั้นทันที ... เราพึ่งฝึกกันมาเมื่อบ่ายเอง ว่าให้กลับมารับรู้ความรู้สึกของเราขณะหายใจเข้า และหายใจออกพร้อมๆกับให้ความกรุณา ความรักความเมตตาแก่ตัวเรา และผู้อื่น ...นานึกขึ้นได้และเริ่มหายใจ เข้า-สัมผัสความเจ็บปวดในใจ ออก-รักตัวเอง พ่อ และสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แม้จะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทุกลมหายใจเข้าออกหรอก แต่พอเราให้ความรักตัวเอง มันก็รู้สึกโอเคมากขึ้นที่จะยอมรับความผิดพลาดนั้น ที่เราตอบสนองด้วยท่าทีไม่สู้ดีออกไป และให้ความเข้าใจกับการที่ตัวเองร้องไห้อยู่ ความเข้าใจพ่อก็เริ่มตามมา เราคิดคาดเดาเขา เขาคงกลัวว่าข้อมูลมันจะหายไปภายในพรุ่งนี้ และเขาคงต้องการข้อมูลในวันนี้ ทำการค้า...รู้ข้อมูลยิ่งเร็ว ยิ่งช่วยให้ตัดสินใจซื้อขายได้ดี เราก็อ่ะ...โอเค นอกจากนี้ หากฟังให้ดี ท่ามหลางรูปแบบภาษาหมาป่าหูออกนั้น กลับแฝงความน้อยอกน้อยใจอยู่ลึกๆด้วย
มัน Amazing มากเลย ที่ในท่ามกลางสถานการณ์รุนแรง แม้จะแค่ในใจของเราเพียงคนเดียว แต่เมื่อเราสามารถยอมรับความรู้สึกไม่ว่าอะไรก็ตาม รับรู้มัน เคารพมัน และให้ความรักมัน มันดีจังเลย
ระหว่างที่กำลังร้องไห้ จริงๆก็นึกถามอยู่เหมือนกันว่า เราจะรักษาสันติสุขในใจเราให้ต่อเนื่องได้อย่างไร
ไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นเช่นนี้อีก วันนี้ที่ตอนกลางวันรู้สึกสงบและตื่นรู้ได้ดีขณะฝึกปฏิบัติ แต่พอต้องข้องแวะกับคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เรารัก เราก็หลุดทุกที (หลุดแต่ตอนสำคัญเสียด้วยซี) คงไม่ต่างกับที่พี่โอมเขียนไว้ในบันทึก Dialogue Oasis ครั้งที่ 1 ที่ผ่านมาว่า "เราจะรักษาน้ำหยดเดียวไม่ให้เหือดหายไปได้อย่างไร"
นั่นนะซิ?
สุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่โอมที่แบ่งปันเรื่องราว และขอแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของนาเอง ให้กับทุกๆคนด้วย ขอให้สันติภาพจงงอกงามในใจของทุกคน (และตัวนาเองด้วย) ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
ขออนุญาตฝากลิงค์นะคะ
ตอบลบคาสิโนออนไลน์ ที่ปลอดภัย โอนเงินรวดเร็ว มั่นคง ถ่ายทอดสดจากสถานที่จริง สามารถเล่นบนเบราเซอร์ที่มีอยู่ในมือถือได้เลย ที่นี่เลยค่ะ
https://www.111player.com