วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

ความฝัน และ ตัวตนสัญชาตญาณที่ถูกทิ้งไป

ได้ไปค้นบทความเกี่ยวกับ การสื่อสารกับเสียงภายใน (Voice Dialogue Work) เพิ่มเติม หลังจากที่ได้เข้าอบรมกับ Jamie Ona Pangaia เมื่อวันที่ 21 - 24 ม.ค. 53 ที่ผ่านมา (Embracing Our Selves) ซึ่งเมื่อมีผู้เข้าร่วมถามถึงเรื่องความฝัน และเจมี่ก็ตอบอธิบายมายืดยาว ก็เลยสนใจ อยากจะเข้าใจหัวข้อนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอยากฝึกแปลด้วย เลยได้ออกมาเป็นบทความแปลนี้ .. ชี้แนะด้วย/ได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ปล. ตั้งใจว่าจะทยอยแปลบทความอีกชุด คือ Dreams as a Window to Inner Selves และ Dreams and Relationship ด้วยนะคะ รอสักครู่ :)
-------------------------------
รูปแบบพลังงานที่แตกต่างกันหลากหลายประเภทสามารถเป็นตัวตนที่ถูกละทิ้งไป (disowned self) ในคนเราได้

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกระทึกขวัญ อนุบาลนกน้อย (ตอน2-จบ)

(ต่อจากตอน 1)
ฉันล้างหน้าล้างตา แล้วกลับลงไปที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมอุปกรณ์เท่าที่คิดว่าจำเป็น คือ ไฟฉาย ไซริง และกล้วยน้ำว้าสุก (กลเม็ดล่อด้วยของกินไง :D) เย้ ! ฉันได้ยินเสียง "จิ๊บ.. จิ๊บ" แล้ว มันอยู่ใต้พื้นจริงๆ ด้วย แต่ซอกยังเล็กเท่าเดิม ฉันแทรกแขนไปคว้ามันไม่ได้เลย ฉันพยายามยื่นไซริงลงไปอีกหลายครั้ง สำเร็จ! ฉันเห็นปากและหัวส่วนบนนิดหน่อย มันเข้ามาหาไซริง ฉันพยายามขยับไซริงล่อให้มันกระโดดขึ้นมา แต่... มันผละหายไป ฉันไม่ลดละ ตกลงว่าแม่ฉันปีนข้ามรั้วเข้ามาในตรอกอีกคน และช่วยยกแผ่นปูนแผ่นหนึ่งขึ้น พอให้เป็นทางเปิดเชื่อมกับโพรงข้างใต้ที่ลูกนกอตกลงไปได้ ช่องเปิดกว้าง แต่ก็กลัวว่ามันจะร่วงลงไปลึกกว่าเดิม (ซวยหนักกว่าเดิมสิ) เราเลยจัดการถมหินและหากระดาษมาปิด ใช้ได้เลย เหลือแต่รอให้เจ้านกน้อยมาใกล้ๆ ให้ฉันจับ หรือมันออกมาเอง คราวนี้ ฉันพยายามยื่นไซริงเข้าไปในทุกทางเท่าที่ทำได้ ทั้งทางซอกตึกที่ใกล้ตัวมันที่สุด หรือช่องเปิดที่ฉันมองเห็นอะไรข้างใต้ได้ดีที่สุด แต่เท่าที่ฉันก้มหัวลงไปมอง ก็คือ มันกระโดดหนีอ่ะ อ๊าย... อิชั้นเริ่มหงุดหงิด ไม่อยากออกก็ไม่ต้องออก - เชอะ! ฉันทิ้งมันไว้เหมือนเดิม แล้วขึ้นบ้าน ทำอะไรไม่ได้แล้วนิ? อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่ามันยังไม่ตายล่ะวะ --------- ฉันนั่งกินโจ๊กอยู่บนบ้าน ใจค่อยสงบขึ้นมาหน่อย และตัวก็สบายกว่าเดิมหลังจากได้อาบน้ำ (แม่ม! โดนทั้งมด ทั้งยุง) คิดว่าไว้สักพักค่อยกลับไปลองใหม่ ก็พอดีกับที่แม่ของฉันขึ้นมาสมทบ และรายงานข่าว "มันขึ้นมาแล้วนะ แต่ไม่ยอมออกมาหน้าบ้านอ่ะ ม้ากลัวมันหล่นลงไปอีก เลยไม่ได้เข้าไป" อืมม์ ดีแล้ว ฉันคิดในใจ "เด๋วค่อยจัดการล่ะกันม้า ให้มันหิวจัดๆ อีก จะได้ยอมมา" 555+ อิชั้นเริ่มซาดิสต์ --------- รวบรัดตัดตอนเลยล่ะกันนะ สรุปว่า นกน้อยถูกจับคว้าใส่กล่องทันที ที่มันอยู่ในมืออิชั้นได้ แต่ก็ไม่ง่ายหรอกนะ มันอาจจะอยากได้ทั้งอิสรภาพ และอาหารที่ Feed มันไปพร้อมๆ กันก็ได้ (เหมือนใครฟร่ะ? :D) เพราะตอนแรกที่เราปีนกลับเข้าไปอีกครั้ง มันกึ่งกระโดด กึ่งบินหาเราเหมือนกันนะ แต่ก็ถอยห่างออกไปอีก อีก อีก คือ "หิวก็หิว แต่อย่าเข้าใกล้ชั้นนะ" อะไรประมาณนั้น (แต่ถ้าเมิงไม่ให้กูเข้าใกล้ แล้วกูจะป้อนเมิงยังไง ตรูไม่ใช่นกนะเฟร้ย!) จนเราเริ่มจะทนต่อไปไม่ไหวนั่นแหละ ที่ก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และไล่คว้ามันมาได้สำเร็จ ^_^ ตอนจบ ของบันทึก ก็คือ น้องนกหุบปากเงียบสนิทหลังถูกจับใส่กล่อง มันปลอดภัยดี แม้ดูจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ เรายกมันกลับมาในห้องทำงาน และฟีดมันเหมือนเดิม ... บินเล่นในห้องไปก่อนล่ะกันนะ วันนี้เหนื่อยแล้ว Happy Ending เสียที (ไปทำงานต่อล่ะจ๊า)

บันทึกระทึกขวัญ อนุบาลนกน้อย (ตอน1)

วันนี้อุตสาห์ปฏิวัติตัวเอง ด้วยการตื่นแต่เช้า (6โมง) ทั้งที่ปรกติก็ตื่น 9 โมงเป็นอย่างเร็ว

เพราะเมื่อวานเป็นวันแรก ที่ปล่อยลูกนกให้ไปอยู่หน้าบ้าน ทั้งวัน และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
มันยังบินไม่ค่อยได้หรอก ได้นิดนึง เท่าที่ดูคือ มันลงจอดไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ก็ยังเป็นสัตว์บกอยู่เป็นส่วนมาก คือ กระโดดหยองแหยงไปมา

เห็นมันกระโดดจิกนู่นนี่ไปมา หลบไปหลังกระถางเมื่อคนเดินเข้าไปใกล้ หรือมีอะไรแปลกประหลาดที่น่าจะอันตราย มันก็จะมุดเข้าไปหลบหลังกระถางต้นไม้

แต่เวลาเราเข้าไปใกล้ๆ ด้วยอาวุธคู่กาย คือ Syringe ป้อนอาหาร มันจำได้ฮ่ะ กระโดดดี๊ด้าเข้ามาหาเราเลยทีเดียว :D

นึกภาพแล้วขำมาก เพราะเวลาแม่เราลงไปหามัน มันหนี แต่เราลงไปพร้อมไซริง มันกระโดดใส่อ่ะ

วันนี้เราก็เลยตั้งใจว่าจะตื่นมาป้อนอาหารมันแต่เช้า แล้วสัก 8 โมงจะเอามันลงไปวางหน้าบ้านเหมือนเมื่อวาน และเราก็ทำได้เสียด้วย

แต่... ตอนที่เรากำลังกินข้าวเช้าอยู่ (~8 - 9 โมง) มีรถส่งของมา เป็นรถกระบะคันใหญ่ วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านเลย มันคงตกกะใจ แม่เรามองจากระเบียงก็ร้องห่วงมัน แม่เราลงมาเปิดประตูให้คนลงของ ไม่นาน เราตามลงมาดูลูกนก

เอาแล้ว มันหลบไปอยู่ตรอกข้างบ้าน เราเข้าจากหน้าบ้านไม่ได้ มีรั้วกั้นอยู่ แม้ระยะจะห่างกันนิดเดียว เช้านี้เสียงดังจริงๆ ทั้งเพลงจากรร.อนุบาลข้างบ้าน รถที่วิ่งอยู่บนถนน (เช้าๆ รถเยอะกว่าตอนสายๆ) แล้วยังรถกระบะคันใหญ่นี่อีก ... เราพยายามยื่นไซริงให้มันเห็น จะได้กระโดดออกมาหาเราข้างนอก แต่... ระหว่างที่มันกำลังกระโดดไป-มา เหมือนหาทางมาหาเราอยู่

"ฟลุบ!"

มันร่วงลงไปในซอกเล็กๆ ระหว่างตึกกับพื้น O-o! คือพื้นมันทรุดไง ก็เลยแยกเป็นร่อง

ตอนนั้นเรายังใจเย็นอยู่ เพราะเห็นกะตาว่ามันแค่ฟลุบลงไป ไม่ได้เจ็บอะไร และมันก็แข็งแรงดี คงกระโดดๆ บินๆ ออกมาได้แหละ

แต่สิบโมงก็แล้ว สิบเอ็ดโมงครึ่งก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้านกน้อยสักนิด เราเริ่มทนไม่ไหว ร้อนใจนิดๆ (แม่เราบ่นอุบตั้งแต่สิบโมงแล้วว่าไม่น่าเลย อุตสาห์ประคบประหงมมาตั้งสองสัปดาห์ มาตกหลุมตายตอนสุดท้ายซะได้ แต่ตอนนั้นเรายังเย็นใจอยู่ ฮ่ะๆ) เลยไปปีนรั้วหลังบ้านเพื่อเข้าตรอก เดินอย่างระมัดระวัง เพราะนอกจากกองหินก่อสร้างและใบไม้แล้ว เราก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าไอ้ที่เหยียบไปมันมั่นคงดีหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าสายตาคุณจะดีแค่ไหน มนุษย์เราก็คงไม่สามารถหักสายตา 90 องศาเพื่อลอดมองใต้พื้น (ที่ตัวเองยืนอยู่) ได้หรอกนะ! ฉันเอาหัวชิดกำแพงจนจะบี้กิ๊บที่ติดผมอยู่แตก... ก็ไม่เห็นอะไรเลย ฉันพยายามเอาไซริงแหย่อลงไป ... เงียบ ร้องเรียกมันก็... เงียบ ซอกมันแคบมาก ฉันพยายามเอามือแหย่ลงไป แต่ทำได้มากที่สุดก็แค่แขนครึ่งท่อนล่าง ไม่สามารถลงไปลึกกว่านี้แล้ว (นี่แขนช้านเล็กแล้วน้าาาา!)

เอาละสิ เสียงก็ไม่มี ร้องเรียกก็ไม่รับ (ปรกติมันรับค่ะ) เอาไซริงแหย่ไปก็ไม่มีอะไรตอบสนองกลับมา ฉันเริ่มประสาทเสียแล้วล่ะ มันจะตายจริงๆ หรอเนี่ย? ถ้าตอนหล่นไปมันยังไม่ตาย แต่เกิดมันไปติดอะไร หรือปีกหัก แล้วต้องอดตายอยู่ใต้พื้นนั่น? T_T ฉันยังร้องเรียกมันอย่างไม่ลดละ แต่เสียงเครือจนผิวปากไม่ออก และเริ่มมองไม่ชัดล่ะ เพราะน้ำตามันตกใส่แว่น (คือก้มหน้ามองลอดซอกด้วยไงค่ะ น้ำตาเลยตกใส่แว่นได้) TT_TT

(เด๋วว่างๆ มาอัพตอนต่อค่ะ)
Related Posts with Thumbnails