วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

ความฝัน และ ตัวตนสัญชาตญาณที่ถูกทิ้งไป

ได้ไปค้นบทความเกี่ยวกับ การสื่อสารกับเสียงภายใน (Voice Dialogue Work) เพิ่มเติม หลังจากที่ได้เข้าอบรมกับ Jamie Ona Pangaia เมื่อวันที่ 21 - 24 ม.ค. 53 ที่ผ่านมา (Embracing Our Selves) ซึ่งเมื่อมีผู้เข้าร่วมถามถึงเรื่องความฝัน และเจมี่ก็ตอบอธิบายมายืดยาว ก็เลยสนใจ อยากจะเข้าใจหัวข้อนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอยากฝึกแปลด้วย เลยได้ออกมาเป็นบทความแปลนี้ .. ชี้แนะด้วย/ได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ปล. ตั้งใจว่าจะทยอยแปลบทความอีกชุด คือ Dreams as a Window to Inner Selves และ Dreams and Relationship ด้วยนะคะ รอสักครู่ :)
-------------------------------
รูปแบบพลังงานที่แตกต่างกันหลากหลายประเภทสามารถเป็นตัวตนที่ถูกละทิ้งไป (disowned self) ในคนเราได้

แต่กลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากในวัฒนธรรมตะวันตก คือ กลุ่มที่เราเรียกว่า “พลังงานจากสัญชาตญาณ instinctual energies” การปิดกั้นตัวตนซึ่งมีพลังงานในกลุ่มนี้ก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตของเราได้อย่างไม่สิ้นสุด เพราะเราไม่สามารถเชื่อมโยงกับความก้าวร้าวตามธรรมชาติของเรา ที่จะแสดงออกอารมณ์และความรู้สึกของเรา ไปจนถึงพลังงานที่จะเอาตัวรอดในธรรมชาติ ซึ่งมีความต้องการที่จะดูแลตนเองให้อยู่รอดบนโลกใบนี้ให้ได้ ในทางกลับกัน ตัวตนที่เราก่อร่างขึ้นมามักเป็นแบบผู้สุภาพ รับผิดชอบอย่างสูง (เกิน) อ่อนไหวอ่อนโยน (เกิน) หรือตัวตนที่เกี่ยวข้องกับความคิด แต่ต้องไม่ทิ้งการพัฒนาจิตวิญญาณด้วย จิตไร้สำนึกมีกระบวนการสื่อสารในความฝันเกี่ยวกับตัวตนที่ถูกละเลยเหล่านี้อย่างไร คือ สิ่งที่บทความนี้ต้องการจะกล่าวถึง
หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งพิจารณาได้ว่ามีลักษณะของความเป็นจิตวิญญาณแนวนิวเอจ มีความฝันดังนี้: “ฉันกำลังเดินลงบันไดที่เชื่อมจากห้องครัวลงไปสู่ห้องใต้ดิน ในห้องใต้ดิน ฉันประหลาดใจมาก ฉันเจอกรงหลายกรง ภายในกรงเหล่านั้นคือสิงโตที่ดูหลับไหล ในขณะที่มีเสียงเพลงแนวนิวเอจเปิดคลออยู่”
นี่คือความชาญฉลาดล้ำลึกที่ชีวิตมอบให้แก่เรา พยายามที่จะช่วยให้เราสร้างสมดุลในจิตใจ (psyche) ของเราอย่างต่อเนื่อง “ตัวคุณ” ในความฝันมักหมายถึงตัวตนหลัก (primary self) และยังให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีที่ตัวตนหลักประพฤตปฏิบัติในโลกแห่งความเป็นจริง มีไม่บ่อยนักที่ “ตัวคุณ” ในความฝันจะเป็นตัวตนที่ละทิ้งไป ตัวคุณในความฝันเช่นนี้จึงวางตัวตรงกันข้ามกับพฤติกรรมปรกติของคุณ ยกตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งซึ่งควบคุมตนเองอย่างดียิ่ง ฝันว่าเขากำลังขับรถอย่างเร็ว ไม่สามารถควบคุมได้เลย นี่อาจเป็นตัวอย่างฝันที่ตัวตนที่ถูกละทิ้งไปปรากฏตัวขึ้นในความฝัน ซึ่งเป็นอะไรที่เกิดกับความฝันไม่บ่อยนัก มักพบในฝันกลางวันมากกว่า
ภาพลักษณ์ของสิงโตถูกกล่อมนอนด้วยเพลงแนวนิวเอจอาจเป็นสิ่งที่ทั้งฉลาดลุ่มลึกและน่าขบขันในเวลาเดียวกัน ความฝันสื่อสารไปสู่ระดับจิตสำนึกของเจ้าของความฝันได้อย่างชัดเจน เพื่อช่วยปลุกให้เธอตื่นจากสภาวะหลับไหลในจิตไร้สำนึกของตนเอง เพราะหากเราไม่สามารถเข้าถึงความตื่นรู้ และตัวตนตื่นรู้ (Aware Ego) แม้ในระดับหนึ่งก็ตาม เราก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะหลับไหล เช่นเดียวกับสิงโตในฝันนั่นเอง ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปเช่นไรนะ หากสิงโตเหล่านั้นจะตื่นขึ้นมาให้เธอสามารถใช้พลังงานรูปแบบนี้ได้ยามที่เธอตระหนักถึงมัน และปลดปล่อยมันออกมาสู่อิสรภาพอย่างระมัดระวัง ความฝันวาดภาพความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับจิตวิญญาณแนวนิวเอจอย่างชัดแจ้งเที่ยงตรง และให้เข็มทิศในการทำงานภายในกับเธออย่างชัดเจนว่า - ความแบ่งแยกระหว่างตัวตนที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณแนวนิวเอจกับสัญชาตญาณแบบสัตว์ป่า นอกจากนี้ เธอยังจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีที่จะใช้พลังงานแบบสิงโตที่เธอมีอยู่แล้วอย่างรู้เท่าทันมัน
มีบันทึกที่คล้ายคลึงกันนี้ ผู้หญิงซึ่งมีความลุ่มลึกทางจิตวิญญาณมากคนหนึ่ง เธอเชื่อมโยงกับโบสถ์ของเธอและมีความฝันดังต่อไปนี้: “ฉันฝันถึงนางฟ้ามากมาย เหล่านางฟ้ามากมายล้วนมีแสงสว่างล้อมรอบ บางองค์ก็ถือดอกลิลลี่ บางองค์ถือช่อปาล์ม ใบหน้าของพวกเธอใสกระจ่าง ต่างก็กำลังล่องลอยขึ้นสู่เบื้องบน ทันใดนั้น โต๊ะยาวตัวหนึ่งก็ปรากฎขึ้นมา บนเก้าอี้ที่ล้อมรอบโต๊ะยาวตัวนั้นคือปีศาจซาตานทุกรูปแบบ ต่างใส่หน้ากากปิดหน้าและสวมชุดดำ ฉากนี้คล้ายภาพ ‘อาหารค่ำมื้อสุดท้าย the Last Supper’ ของพระเยซูมาก แล้วปีศาจตนหนึ่งตรงกลางโต๊ะก็พูดขึ้นว่า -- อย่าลืมพวกเราล่ะ! พวกเราก็มีตัวตนอยู่เหมือนกันนะ”
ผู้คนมักคิดเปรียบการสื่อสารจากความฝันของตนว่าเป็นกระบวนการก่อรั้วตีกรอบ (?) มีจิตไร้สำนึกเป็นปรมาจารย์ผู้ตีกรอบในบางครา โดยมิได้หมายจะตีตราว่าแนวทางจิตวิญญาณของเธอนั้นไม่ถูกต้อง ความฝันเพียงแค่ช่วยตีกรอบความสัมพันธ์ต่อด้านมืด ต่อพลังงานแบบสัญชาตญาณที่ถูกละทิ้งไปให้เป็นไปในรูแปบบใหม่เท่านั้น มันนำพลังงานรูปแบบนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำมื้อสุดท้าย เพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะเข้าใจว่า ทั้งสองด้านอันได้แก่เทพธิดาและซาตานนั้นต่างก็เป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณเช่นกัน
ตัวอย่างสุดท้าย คือ ชายคนหนึ่งซึ่งเข้าร่วมการประชุมที่ยุโรปกับเรา เขาเคยทำงานให้กับครูทางจิตวิญญาณของตนมาหลายปี จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง เนื่องจากพลังงานของบุรุษเพศ/พลังงานแบบสัญชาตญาณของเขาเริ่มปรากฎขึ้นมา และก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังฆะที่เขาอยู่ เขาฝันถึงอาจารย์ของตนว่า: “ผมกำลังสำรวจรายละเอียดในตัวอาจารย์ของผม หนึ่งในนั้นคือเด็กที่กำลังถูกฝึกให้ฆ่าสัตว์”
นี่เป็นหนึ่งในความฝันที่น่าจดจำ ทั้งสำหรับเรา กลุ่ม และสำหรับเจ้าของความฝันเป็นพิเศษด้วย มันไม่ได้บอกว่าการฝึกฝนของเขาไม่ดี แต่สิ่งที่ความฝันนี้พุ่งเป้าไปนั้น มันช่างชัดเจนว่า ในการฝึกฝนนั้น ความรู้สึกของเขา (เด็ก) กำลังถูกฝึกฝนให้ฆ่าสัตว์ - ธรรมชาติในฝ่ายสัญชาตญาณของเขา ความฝันนี้ส่งผลกระทบต่อเจ้าของฝันมาก เขาตัดสินใจเลิกฝึกกับอาจารย์ของเขาภายในระยะเวลาหลังจากนั้นไม่นาน
โดยส่วนตัวแล้ว เรามิได้ชื่มความพยายามอบรมทางจิตวิญญาณซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนการตื่นรู้ของชุมชนอย่างมาก เราอยากจะพูดถึงการพัฒนาจิตใจ-จิตวิญญาณมากกว่า เพราะด้วยชื่อเรียกก็ชัดเจนในตัวของมันเองแล้วว่า การทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงนั้น จำเป็นต้องอาศัยการเคลื่อนไหวเช่นงู มันเป็นเส้นทางที่ต้องทอประสานระหว่างสองฟากอยู่ตลอดเวลา โดยที่ฝั่งหนึ่งคือการทอประสานจิตใจ อารมณ์ และความเป็นจริงทางกายภาพเข้าด้วยกัน ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือธรรมชาติทางจิตวิญญาณของเรา จากการศึกษาความฝันของเรา เราพบอย่างชัดเจนว่าจิตเบื้องบนที่ชี้นำกระบวนการนี้ต้องการช่วยให้เราดำรงอยู่ในสมดุลได้ และสามารถโอบกอดตัวตนทุกตัวตนได้ทั้งหมด



แปลจากบทความ The Disowned Instinctual Energies and The Dream Process
โดย ดร. ฮาล สโตน และ ดร. ซิดรา สโตน
แปลโดย นานาจิตตัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails