วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

Ah, not to be cut off อย่าได้แบ่งแยกแตกส่วน


Ah, not to be cut off
not through the slightest partition
shut off from the law of the stars.
The inner - what is it?
if not intensified sky,
hurled through with birds and deep
with the winds of homecoming.

อ้า...อย่าได้แบ่งแยกแตกส่วน

มิได้อยู่ที่ชิ้นส่วนที่เล็กที่สุด
ซึ่งถูกปิดกั้นจากกฎของดวงดารา
โลกภายใน มันคืออะไร?
หรือมันคือฟ้าสีคราม?
ที่โบยบินไปพร้อมกับนก
และพัดพริ้วไปกับสายลมที่หวนสู่บ้านเกิด

- "Ah, not to be cut off" Rainer Maria Rilke เขียน, นานาจิตตัง แปล -

ตีความ:
หากกระทำดังส่วนแรก (บรรทัด 1 - 3) คือ แยกส่วน แบ่งสิ่งต่างๆลงเป็นส่วนย่อยๆแล้วศึกษา ก็จะไม่สามารถเข้าใจส่วนใหญ่ได้ เพราะเมื่อศึกษาเพียง Slighest partition หรือส่วนย่อยสุดๆ แล้ว กฎของดวงดารา Law of the stars ก็จะไม่สามารถรับรู้ได้ ตีความกฎของดวงดารา ว่าเป็น Emergent Property ขององค์รวม ซึ่งมีมากกว่าแค่คุณสมบัติขององค์ประกอบย่อยๆรวมกัน ("The whole is more than the sum of its part") ตัวอย่างที่ยกขึ้นมาได้ง่ายๆ คือ หากเราต้องการเข้าใจคนคนหนึ่ง เราก็ค่อยๆดูเขา/เธอทีละส่วน ทีละอวัยวะ ทีละเนื้อเยื่อ ทีละเซลล์ แม้วิธีนี้จะทำให้เราเข้าใจอะไรใหม่ๆมากมาย แต่กระนั้นก็ดี แม้เราจะสามารถเข้าใจเซลล์แต่ละเซลล์อย่างกระจ่างแจ้ง (ซึ่งวิทยาศาสตร์กระแสหลักในปัจจุบันก็ยิ่งค้นพบอะไรใหม่ๆได้ทุกวัน) แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เราเข้าใจความเป็นเนื้อเยื่อ ซึ่งเกิดจากเซลล์หลายๆเซลล์มารวมกันได้เลย และต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆในทำนองเดียวกัน เราก็มิอาจเข้าใจอวัยวะหนึ่งๆ ได้จากการทำความเข้าใจแต่เนื้อเยื่อ และไม่อาจเข้าใจร่างกายทั้งร่าง ด้วยการศึกษาทีละอวัยวะ เพราะคุณสมบัติใหม่ของเนื้อเยื่อ...ประหนึ่งว่าเกิดขึ้นมาเอง มิได้มาจากการรวบรวมผลการศึกษาคุณสมบัติของเซลล์ทุกประเภทเอาไว้ด้วยกัน

หรือผู้เขียนพยายามจะบอกว่า การศึกษาแต่โลกภายนอกอันแบ่งแยก และละเลยชีวิตจิตใจนั้น มิได้สมควรเลย (ตรง Ah(!!!), not to be cut off) เนื้อหาในส่วนที่สองจึงโยงเข้าสู่เรื่องนี้ ว่าแล้วมันคืออะไรล่ะ? แต่แทนที่จะบอกตรงๆ กลับอุปมาถึงคุณลักษณะของการสัมผัสโลกภายในใจของตนเองแทน ว่ามันคือท้องฟ้าสีคราม...เข้มข้น...ใสกระจ่าง...และสดชื่น ซึ่งเป็นคุณภาพของความเปิด ความกว้าง(=ไม่คับแคบ) ของการเข้าใจในตัวตน...ให้เปิดโล่ง ความอิสระเสรีและพลิ้วไหวไปกับนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า ไม่ยี่หร่ะหรือกังวลกับเรื่องราวใดๆ อะไรจะเกิดก็ร่วมเต้นรำไปกับมันได้ ส่วน"สายลมที่พัดหวนสู่บ้านเกิด"น่าจะหมายถึง การกลับมาเข้าใจ "ราก" ของตัวเองหรือไม่? โดยหากเราสามารถเข้าไปเข้าใจและยอมรับที่มาที่ไปและตัวตนข้างในของตัวเองได้แล้ว การเข้าใจในแบบหลัง จะนำไปสู่การขยายจากตัวตนที่คับแคบ เห็นแก่ตัว ให้ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งแตกต่างจากการเข้าใจแบบธรรมดา ที่จำได้ พูดได้ เช่นที่ผู้เขียนกล่าวไว้ในส่วนแรก

หรือ Rainer Maria Rilke คือ กวีจิตวิวัฒน์?


ปล. มาจาก บทนำ ใน กล้าสอน, The Courage to Teach.
ปลล. บางคำก็เดาเอา-มั่วเอา ใครมีความเห็นเหมือนหรือต่างอย่างไร ช่วยแชร์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :-)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails