วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

iReport - <<เครดิตของผู้เขียนเรื่องนี้แต่เดิมคือ lemac@yahoo.com และเว็บหนังสือพิมพ์ออนไลน์www.dantri.com สิ่งที่ผมทำมีเพียงการแปลบทความในภาษาดั้งเดิมเป็นภาษาอังกฤษ ผมพยายามติดต่อผู้เขียนแต่อีเมล์ที่ให้ไว้บนเว็บไซต์ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อเรื่องราวนั้นน่าประทับใจ และผมได้รับบทเรียนอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะใช้สิทธิ์เผยแพร่บทความนี้ที่นี่ (หมายถึง CNN iReport) เพื่อแบ่งปันความเยี่ยมยอดของคนในชาติอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น
การแปลอิงจากบทความเดิม ไม่มีการแต่งเติมเสริมเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น>>


เมื่อคืนนี้ ผมถูกส่งไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยหน่วยงานอาสาสมัครในการแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ประสบภัยพิบัติ ในหมู่ผู้ที่เข้าคิวยาวรออยู่นั้น ผมสังเกตุเห็นเด็กชายอายุประมาณ 9 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งใส่เพียงเสื้อคอกลมและกางเกงขาสั้น อากาศขณะนั้นหนาวเย็นมาก และเขากำลังยืนคอยอยู่ตอนท้ายแถว ผมเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีอาหารหลงเหลือพอเมื่อถึงคิวของเขา ผมจึงเดินไปเพื่อคุยกับเขา
 เขาเล่าให้ผมฟังว่า แผ่นดินไหวและสึนามิเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่ที่โรงเรียน ในชั่วโมงพละศึกษา พ่อของเขาซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆกันมาหาเขาที่โรงเรียน จากระเบียงบนชั้นสามของโรงเรียน เขามองเห็นคุณพ่อและรถของเขาถูกน้ำพัดหายไป คุณพ่อของเขาคงเสียชีวิตไปแล้ว

เมื่อผมถามเขาถึงคุณแม่ เขาบอกผมว่า ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ริมทะเล ดังนั้นคุณแม่และน้องชายของเขาคงไม่สามารถหลบหนีได้ทัน เขาหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เพื่อเช็ดน้ำตาเมื่อถูกถามถึงญาติๆของเขา

ผมเห็นว่าเขาคงหนาวอยู่ จึงถอดเสื้อโค๊ทตำรวจแล้วคลุมร่างเขาไว้ ขณะเดียวกับที่อาหารมื้อเย็นที่เหลือซุกอยู่ในกระเป๋าหล่นออกมา  ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งให้เขาพร้อมบอกว่า “น้าเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีอาหารเหลือเมื่อถึงคิวของเธอ นี่เป็นส่วนของน้า น้ากินไปแล้วหน่อยหนึ่ง เธอกินส่วนที่เหลือให้หมดเถอะ” เด็กน้อยยื่นมือมารับอาหาร แล้วค้อมตัวลงขอบคุณ ผมคิดว่าเขาคงรีบกินด้วยความหิวในทันที แต่ .. เปล่าเลย เขาถืออาหารชิ้นนั้น แล้วเดินตรงไปยังหัวแถวซึ่งมีคนคอยแจกอาหารอยู่ แล้ววางอาหารที่ผมให้เขาลงไปในกล่องอาหารที่กำลังได้รับการแจกจ่าย แล้วเขาก็เดินกลับมาเข้าแถวในคิวของเขา 

ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงถามเขาว่าทำไมเขาไม่กินอาหารที่ผมให้เสียละ เขาตอบผมว่า “เพราะมีคนอีกมากที่อาจจะหิวยิ่งกว่าผม ผมวางไว้ที่นั่น ก็เพื่ออาหารจะได้รับการแจกจ่ายอย่างเป็นธรรมให้ทุกคน” 

เมื่อผมได้ฟังคำตอบ ผมต้องหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพื่อร้องไห้ โดยที่คนอื่นๆจะได้มองไม่เห็น ผมรู้สึกตื้นตันใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายอายุ 9 ขวบ ซึ่งยังเรียนอยู่เพียงชั้นประถมปีที่ 3 จะสอนบทเรียนล้ำค่าแก่ผมในเวลาคับขันเช่นนี้ บทเรียนแสนสะเทือนใจในความเสียสละ ประเทศใดที่มีเด็กอายุเพียง 9 ขวบแต่เรียนรู้ที่จะอดทน ทนกับความยากลำบาก และยังเสียสละเพื่อผู้อื่นได้  คือประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย 

แม้ประเทศนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่คับขันที่สุด แต่จะต้องฟื้นกลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้แน่นอน ทั้งนี้ เพราะประชาชนผู้รู้จักเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่นดังเช่นเด็กชายคนนี้ 

 ------------------
หมายเหตุ* ดิฉันได้อ่านบทความฉบับภาษาไทยจาก "http://www.bbl4kid.org/content/เด็กชายวัย-๙-ขวบชาวญี่ปุ่น-ได้สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้กับเรา" เมื่ออ่านจบก็น้ำตาคลอเบ้า ตื้นตันใจมากๆ เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้งและอ่านบทความที่อ้างอิงที่มาไว้ในเว็บข้างต้น ซึ่งก็คือที่มาภาษาอังกฤษ "http://ireport.cnn.com/docs/DOC-574017" ดิฉันก็พบว่ามีข้อความตกหล่นเล็กน้อย และเว้นวรรคที่อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด จึงนำบทความภาษาไทยเดิมมาตรวจแก้ และแปลข้อความตอนต้นและบางช่วงเพิ่มเติมเล็กน้อย หวังเพียงให้ผู้อ่านภาษาไทยเข้าใจตรงกับภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิได้มีเจตนาสวมชื่องานของผู้อื่นเลย ขอบคุณที่เข้าใจคะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts with Thumbnails